5 เมษายน 2568  ร.ต.อ.ยุทธพล บุญเกิด รองสารวัตรสอบสวน สภ.นาจอมเทียน ได้รับแจ้งมีเหตุบุกรุกเข้าไปวางเพลิงเผาทรัพย์ภายในทาวน์เฮาส์แห่งหนึ่งใน หมู่ที่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น จึงรีบประสานงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลนาจอมเทียนเข้าระงับเหตุ ก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก.สภ.นาจอมเทียน ชุดสืบสวน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน

ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นปลูกติดกันหลายคูหา พบแสงเพลิงและกลุ่มควันออกมาจากชั้นที่ 1 และชั้น 2 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้นานกว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยเพลิงได้ลุกลามขึ้นชั้นที่ 2 จากการตรวจสอบพบว่าภายในชั้นที่ 1 และ 2 ได้รับความเสียหาย โดยชุดสืบสวนสามารถควบคุมตัวนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี ผู้ก่อเหตุวางเพลิงในครั้งนี้ไว้ได้ ในที่เกิดเหตุ ก่อนช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล เพราะได้รับบาดเจ็บถูกกระจกบาดที่ขา

จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้วางเพลิงเผาทรัพย์จริง เนื่องจากไม่พอใจเจ้าของบ้าน จากกรณีที่ตนรับจ้างซ่อมแซมทาวน์เฮาส์ดังกล่าว และได้เข้าพักในห้องที่เกิดเหตุ ต่อมาได้มาขอพูดคุยและขอเข้าไปนำเสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัว แต่ถูกปฏิเสธ ไม่อนุญาตให้เข้าไป โดยเจ้าของบ้านได้นำเสื้อผ้าใส่ถุงผ้าและถุงพลาสติกโยนลงมาให้จากชั้นที่ 2 ทำให้เกิดความไม่พอใจ จึงทุบกระจกประตูด้านหน้าและก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์ภายในห้องชั้นล่าง จนได้รับความเสียหายดังกล่าว

รปภ. เล่าเหตุการณ์ว่า ผู้ก่อเหตุเป็นผู้รับเหมาต่อเติมบ้าน ซึ่งเมื่อวานก็มีปัญหากันมาทีหนึ่งแล้ว แต่มีแค่มายืนต่อว่าด่าทอกัน ระหว่างผู้รับเหมากับเจ้าของบ้าน เกี่ยวกับค่าจ้างที่ผู้ก่อเหตุไม่ได้ค่าจ้างตามจริง คือผู้ก่อเหตุเป็นผู้รับเหมา ทำงานมา 2 ปี ได้แค่หลักร้อยไม่ถึงหลักพันเลย พอมาวันนี้ผู้รับเหมาจะขนของออกเพราะไม่ทำแล้ว เผอิญผู้รับเหมาต้องกินยาโรคประจำตัว จึงให้เจ้าของบ้านมาเปิดประตู แต่เจ้าของบ้านไม่ยอมเปิด แต่กลับโยนสิ่งของออกมาแทน ผู้รับเหมาจึงเกิดความโมโห พังประตูโดยการใช้ขาถีบกระจกจนแตก แล้วเข้าไปจุดไฟเผาในบ้าน ก่อนผู้ก่อเหตุจะยืนรอมอบตัว ส่วนที่ทำไปเพราะโมโหและยอมติดคุก

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว ผู้รับเหมาที่ก่อเหตุไปรักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนจะทำการควบคุมตัวมาสอบสวน ซึ่งต้องรอผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ของเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี เพื่อนำมาประกอบสำนวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “บุกรุกในเคหสถานและวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น” ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ขอบคุณข้อมูลและภาพ จากเพจ ข่าวเมืองชล