วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 18:44 น.
รมว.อว. เปิดตัว "รถบัสไฟฟ้าไร้คนขับ" คันแรกของไทย หวังให้เป็นต้นแบบช่วยกระตุ้นยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับในอนาคต ลดมลพิษให้อยุธยาเป็นเมืองน่าเที่ยวระดับสากล
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานพิธีเปิดตัวรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบ เทคโนโลยี 5G คันแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการนำร่องเปิดทดลองใช้งานเป็นครั้งแรกบนถนนสาธารณะ ให้บริการบริเวณรอบอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ( บึงพระราม ) เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2567 ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า โครงการรถบัสไฟฟ้าอัตโนมัติไร้คนขับ 5G นี้ เป็นผลงานจากการศึกษาวิจัยและพัฒนา โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช. ) ให้ทุนจำนวน 27 ล้านบาท มอบหมายให้ ศูนย์วิจัย Mobility & Vehicle Technology Research Center ( MOVE ) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการพัฒนาร่วมกับ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด ( มหาชน ) หรือ TKC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ 5G และระบบเทคโนโลยีดิจิทัล นำองค์ความรู้ทางด้านการเชื่อมต่อระบบสื่อสารเทคโนโลยีที่เรียกว่า C-V2X หรือ Cellular Vehicle-to-Everything บนเครือข่าย 5G มาประยุกต์ใช้ ขณะที่บริษัท เจ็นเซิฟ จำกัด เชี่ยวชาญด้านระบบหุ่นยนต์และยานยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ และ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด ( มหาชน ) ผู้ผลิตรถโดยสาร EV ทั้งนี้ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 20 เดือน ( พฤศจิกายน 2565 - กรกฎาคม 2567 )
สำหรับรถมินิบัสไฟฟ้าเคลื่อนที่อัตโนมัติ ( ไร้คนขับ ) เป็นรถขนาด 20 ที่นั่ง ให้บริการฟรีไม่มีการเก็บค่าโดยสาร โดยใช้บริการผ่านการสื่อสารเครือข่าย 5G กับแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้น ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถ และจองที่นั่งได้ล่วงหน้า รวมทั้งสามารถดูตำแหน่งปัจจุบัน และเวลาที่รถจะมาถึง
ในระยะแรกจะมีการทดลองวิ่งให้บริการแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว ในเส้นทางรอบบึงพระราม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันศุกร์ - วันอังคาร เวลา 09.00 – 17.00 น. โดยสามารถเรียกรับบริการ ผ่านแอปพลิเคชัน “5G Auto Bus” ได้ ณ ป้ายจอดรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับ 4 แห่ง รอบบึงพระราม ได้แก่ 1.ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมืองพระนครศรีอยุธยา 2.วัดมหาธาตุ 3.วัดธรรมิกราช 4.วัดพระราม รวมระยะทางทั้งสิ้น 2.8 กิโลเมตร
ด้านนายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท TKC ในฐานะตัวแทนในส่วนภาคเอกชน ให้สัมภาษณ์ว่า TKC ได้รับโอกาสจากทาง มจธ. ให้เข้ามาร่วมงานในส่วนของงานวิจัย (R&D) ในการดีไซน์ตัวระบบ ซึ่ง TKC มีจุดแข็งเรื่องไอที การสื่อสาร และซอฟต์แวร์ จึงใช้จุดแข็งมาพัฒนาซอฟต์แวร์ในระบบสื่อสารผ่านมือถือ 5G เพราะรถบัสจะวิ่งได้ต้องมีการสื่อสารตลอดเวลา เพื่อวิ่งตามช่องทางที่กำหนด ยอมรับว่าแรก ๆ มีข้อที่ต้องแก้ไขมากมาย เพราะเป็นรถบัสไร้คนขับและยังเป็นอีวีคันแรกในประเทศไทยด้วย
“นอกเหนือจากนี้ TKC ยังได้รับหน้าที่ทำแท่นชาร์จอีวี ร่วมกับ มจธ.ซึ่งเป็นแท่นชาร์จ ที่ผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำทำโดยฝีมือคนไทยทั้งหมด ใช้วิศวกรคนไทยล้วน ๆ จาก มจธ.และ TKC ร่วมกัน ผมเชื่อว่าเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน คือรถยนต์อีวีกึ่งไร้คนขับ ถ้ามหาวิทยาลัยไม่ได้รับโอกาส ได้ทุนจาก กองทุน กทปส. โอกาสที่คนไทยจะได้ริเริ่มทำวิจัยออกมาเป็นโปรดักส์หนึ่งโปรดักส์แทบไม่มีเลย เพราะต้องลงทุนมหาศาล ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ทำออกมาได้ และเป็นรถบัสอีวีไร้คนขับคันแรกของไทย ส่วนโอกาสจะขยายหรือไปต่อ เวลานี้มีกระทรวง อว.ได้มองเห็นพลังของเด็กไทย คนไทย อาจนำไปต่อยอดทำสเกลให้ใหญ่ขึ้น แล้วเป็นการสร้างโอกาสในอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับที่เป็นอีวี ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์แน่นอนให้มีโอกาสเติบโตได้แน่นอน" นายสยามกล่าว