(14 ต.ค. 66) เวลา 09.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมวางพวงมาลาและกล่าวรำลึก ในงานรำลึก 14 ตุลา ประจำปี 2566 โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานวางพวงมาลาและกล่าวรำลึกในภายในงาน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรี ร่วมวางพวงมาลาและกล่าวรำลึก รวมทั้งผู้แทน 3 ศาสนา ได้แก่ พุทธ อิสลาม และคริสต์ ผู้แทนพรรคการเมือง ตลอดจนประชาชน ร่วมกิจกรรม ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร

เหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 เป็นการชุมนุมครั้งแรกอย่างสันติของมวลชนจำนวนมหาศาล เพื่อต่อต้านระบอบเผด็จการที่ครอบงำประเทศไทยมายาวนานนับทศวรรษได้เป็นผลสำเร็จ แม้ว่าหลังจากนั้นจะมีการรัฐประหารตามมาไม่น้อยกว่า 5 ครั้งก็ตาม แต่การเสียสละของเหล่าวีรชน 14 ตุลา 2516 คือปฐมบทของระบอบประชาธิปไตย ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ในประเทศไทย อันเป็นเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาธิปไตยมาอย่างมั่นคงและถาวรจวบจนบัดนี้

ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า  เนื่องในวาระครบ 50 ปี ของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งบัดนี้ได้เข้าสู่สถานะเป็นวาระแห่งประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่ของประเทศไทยไปโดยสมบูรณ์แล้ว เพราะเป็นการบันทึกเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่อยู่ใต้จิตสำนึกของเหล่ามหาประชาชนในยุคนั้นและสืบต่อกันมา หากไม่มีการชุมนุมเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย ของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชนหลายแสนคนในวันนั้น ตนและพี่น้องประชาชนก็คงไม่มีโอกาสได้มาสัมผัสสถานการณ์การเมือง และร่วมกิจกรรมรำลึก ณ อนุสรณ์สถานแห่งนี้ในวันนี้ เชื่อมั่นว่าพี่น้องชาวไทยทั้งหลายจะได้ถอดบทเรียนของการพัฒนาประชาธิปไตยจากเจตนารมณ์ของวีรชน 14 ตุลา เพื่อสรรสร้างประชาธิปไตยที่มีคุณค่าและเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ขอสดุดีกิจกรรมวีรชน 14 ตุลาคม 2516 ไว้ในโอกาสนี้ด้วย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า  วันนี้เป็นวันสำคัญที่เรารำลึกถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา เมื่อ 50 ปีที่แล้ว คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ เป็นหนี้บุญคุณของวีรชนในวันนั้น การที่ตนเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ก็เช่นกัน หากไม่มีเหตุการณ์ 14 ตุลา เชื่อว่าวันนี้คงไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

“ขอกล่าวง่าย ๆ เพียงประเด็นเดียวว่า เผด็จการฉลาดขึ้น คนที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยฉลาดขึ้น เราดูบทเรียนจาก 14 ตุลา เขาก็ดูบทเรียนเหมือนกัน เช่นเดียวกับเผด็จการทั่วโลกที่ฉลาดขึ้น ฉะนั้น เราต้องรู้เท่าทัน เมื่อไรก็ตามที่ประชาชนทะเลาะกัน เมื่อนั้นเผด็จการจะเข้ามาฉวยโอกาสทุกที สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเราต้องตื่นรู้ในตัวเราเอง เผยแพร่อุดมการณ์ ความคิด และเหตุการณ์ให้ประชาชนทุกคนเข้าใจด้วยตัวเอง เพราะเมื่อมีความเข้าใจถึงปัญหา มีความสามัคคีกัน ก็จะไม่หวั่นไหวต่อคนไม่หวังดีต่อประชาธิปไตยที่จะทำให้เราแตกกัน ขอให้พวกเราร่วมมือกัน กทม.พร้อมจะสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวกับประชาธิปไตยในทุกด้าน ขอให้กรุงเทพมหานครและประเทศไทยเรามีความเป็นประชาธิปไตยที่เจริญ มั่นคง โดยมีรากจากเมล็ดพันธุ์ที่วีรชนได้หว่านไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

ในช่วงท้ายของการกล่าวรำลึก ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมกรุงเทพกลางแปลงว่า  เย็นนี้ เวลา 1 ทุ่ม หากพวกเรามีโอกาส ขอเชิญที่ลานคนเมือง เพื่อรับชมการฉายภาพยนตร์เรื่อง 14 ตุลา สงครามประชาชน (2544)