วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 05:08 น.
เรือข้ามฟากชนกระแทกเรือลากจูง นักเรียนล้มระเนระนาด เจ้าท่าสั่งพักใบอนุญาตคนขับเรือ จ.นนทบุรี
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 พ.ค.66 ที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานนทบุรี นายอำนาจ สอนหมวก ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ได้เชิญตัว นายประกอบ อายุ 59 ปี คนขับเรือข้ามฟาก ท่าน้ำนนทบุรี-ท่าน้ำบางศรีเมือง มาทำสอบปากคำพร้อมกับสั่งปรับเงินจำนวน 2 พันบาทและพักใบอนุญาตเดินเรือชั่วคราว หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันนี้เวลา 07.00 น. เกิดเหตุเรือข้ามฟากระหว่างท่าน้ำนนท์-ท่าน้ำบางศรีเมือง เฉี่ยวชนกับเรือลากจูงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในขณะเกิดเหตุมีผู้โดยสารเป็นซึ่งเป็นเด็กนักเรียนและประชาชนที่เดินทางไปทำงานโดยสารอยู่บนเรือกว่า 50 คน จนทำให้ผู้โดยสารบนเรือล้มกลิ้งระเนระนาดไปกับพื้นเรือ บางคนถูกน้ำที่กระเด็นเข้าใส่จนเสื้อผ้าเปียกหลายราย โชคดีที่ไม่มีใครพลัดตกลงไปในแม่น้ำ จนทำให้ผู้โดยสารที่อยู่ในเหตุการณ์ระทึกดังกล่าวนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโพสต์ลงในเพจข่าวของจังหวัดนนทบุรี เพื่อถามหาความปลอดภัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
ต่อมาเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบเรือข้ามฟากดังกล่าว พบว่าเป็นเรือขนาดใหญ่ สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้จำนวน 102 คนต่อลำ วิ่งรับผู้โดยสารไปกลับระหว่างทางน้ำนนทบุรีกับท่าน้ำบางศรีเมือง ซึ่งในแต่ละเที่ยวจะมีผู้โดยสารเป็นจำนวนมากประมาณ 60-80 คนต่อเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงเช้าและหลังเลิกเรียน รวมประชาชนที่ต้องใช้ยริการเรือข้ามฟากดังกล่าวเพื่อข้ามฝั่งมาโดยสารรถประจำทางบริเวณหอนาฬิกาท่าน้ำนนท์
ผู้สื่อข่าว ได้พบกับนายณัฐพล อายุ 29 ปี พนักงานบริษัทเอกชนซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ระหว่างที่ตนโดยสารเรือข้ามฟากเพื่อจะไปทำงานตามปกติ ตนสังเกตเห็นว่ามีเรือลากจูงขับมาตามเส้นทางปกติกลางแม่น้ำ แต่จู่ ๆ คนขับเรือข้ามฟากได้ตัดสินใจขับเรือข้ามฟากตรงเข้าไปหาเรือลากจูงกลางแม่น้ำโดยไม่จอดรอ ทั้งๆที่ปกติแล้วเรือข้ามฟากจะต้องจอดให้เรือลากจูงที่มาทางตรงผ่านไปก่อนถึงจะขับออกจากท่าเพื่อข้ามฝั่งไปได้ แต่วันนี้คนขับเรือตัดสินใจจับเรือเข้าไปจี้เรือลากจูงทั้งๆที่มีผู้โดยสารอยู่เกือบเต็มลำ ซึ่งตนเห็นเหตุการณ์แล้วดูท่าทางจะไม่ดีแน่นอน เพราะคนขับได้หักเรือไปทางขวาและเดินเครื่องเต็มกำลัง เพื่อให้ท้ายมันหันกลับแต่ไม่พ้น ทำให้เรือข้ามฟากไปชนเข้ากับท้ายเรือลากจูงเข้าอย่างแรงจนเรือสั่นไปทั้งลำ ความแรงทำให้เด็กนักเรียนที่ยืนอยู่บนเรือล้มลงไปกับพื้น จากที่ตนมองด้วยสายตาบนเรือเมื่อเช้ามีประมาณ 40 กว่าคนได้ และส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรีบนตัวเล็กๆ ตนก็ไม่แน่ใจว่ามีคนเจ็บหรือไม่ แต่เสื้อผ้าเปียกและเปรอะเปื้อนกันไปหลายคน เหตุการณ์มันเกิดเร็วมาก ส่วนตนเองแขนถูกกระแทกนิดหน่อยไม่เจ็บมาก เหตุการณ์แบบนี้ตนเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก ซึ่งตนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากความประมาทของคนขับเรือ เสี่ยงอันตรายมาก ผู้โดยสารก็เยอะ โชคยังดีที่ตอนเกิดเหตุกระแสน้ำไม่ไหลแรงมาก ตนต้องคอยช่วยจับเด็กๆไว้กลัวจะกระเด็นออกนอกเรือ ถ้ากระแสน้ำเมื่อเช้าแรงมากก็น่าจะทำให้เรือล่ม ตนจึงอยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและจัดการเรื่องนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก
ทางด้าน น.ส.เขมิกา อายุ 43 ปี ผู้ปกครองพร้อมลูกชายอายุ 12 ปี และลูกสาวอายุ 8 ปี กล่าวว่า เมื่อเช้าตนและลูกสาวกับลูกชายลงเรือที่ท่าน้ำบางศรีเมือง เพื่อข้ามมาฝั่งท่าน้ำนนทบุรี ก่อนเกิดเหตุตนเริ่มเห็นว่าคนขับเรือขับวนเรือเป็นเลข8 ก่อนเรือข้ามฟากจะไปกระแทกกับเรือลากจูง ซึ่งโดยปกติที่ตนเคยขึ้นเรือลำอื่นมานั้น ถ้ามีเรือลากจูงมาผ่านมาตามเส้นทางหลัก เรือข้ามฟากจะต้องจอดรอ แต่ครั้งนี้ไม่รู้คนขับ ขับออกไปเร็วทำไม จนทำให้เรือไปกระแทกกับเรือลากจูง 3 ลำ จนน้ำกระเด็นเข้ามาในเรือ เด็กๆ ร้องไห้กันระงม และกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจตนหันไปมองเด็กนักเรียนเหล่านั้นตัวเปียกกันไปหมด แต่ยังโชคดีที่ไม่มีคนพลัดตกเรือไป ช่วงเวลานั้นตนไม่สามารถช่วยใครได้ เพราะต้องดูลูกตนอีก 2 คน และในเรือตนไม่เห็นเสื้อชูชีพ เห็นแต่ห่วงยางที่อยู่ด้านบนหลังคาเรือและใต้เบาะ ซึ่งไม่ได้มีทุกเบาะ ตนใช้เรือข้ามหากมานาน รับ-ส่งลูกไปโรงเรียนจนลูกเริ่มโต ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ตนได้โทรหาเจ้าของเรือข้ามฟากถึงได้ทราบว่าเจ้าของเก่าได้ขายกิจการให้บริษัทเอกชนไปเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา และไม่รับรู้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่คนขับเรือรีบขับเรือออกไป เพราะทำรอบวิ่งหรือเปล่า เพราะปกติคนขับเรือลำอื่นเมื่อเห็นเรือลากจูงมาก็จะต้องจอดรอกันตามกฏขอจราจรทางน้ำ
ด้าน นายอำนาจ สอนหมวก ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค นนทบุรี กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่ามีเรือข้ามฟากเฉี่ยวชนเมื่อเช้า เกิดจากเรือข้ามฟากไปตัดท้ายเรือลากจูง จึงได้เฉี่ยวกับเรือลำเลียงทรายซึ่งเป็นเรือเปล่าจนเรือทั้งสองลำเบียดกัน ทางสำนักงานเจ้าท่าจึงได้เรียกคนขับเรือข้ามฟากมาสิบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคนขับเรือรับสารภาพว่าได้ตัดสินใจผิดพลาดขับเรือข้ามฟากออกไปเบียดกับเรือลากจูงจริง จึงได้ลงโทษด้วยการปรับ เป็นเงินจำนวน 2 พันบาท พร้อมกับพักใบอนุญาตนายท้ายเรือชั่วคราวในทันที ในฐานความผิดขับเรือโดยประมาท ทำให้ไปกีดขวางช่องจราจรทางน้ำ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการฝึกอบรมนายท้ายเรือใหม่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก
จากการสอบสวน นายประกอบ อายุ 59 ปี คนขับเรือข้ามฟากลำดังกล่าว ยอมรับว่า เมื่อเช้านี้ตนเองประมาทที่ขับเรือออกไปในระหว่างที่มีเรือลากจูงซึ่งขับมาทางหลักเพื่อจะตีวงอ้อมหลังเรือลากจูง แต่เกิดผิดจังหวะจนเป็นเหตุทำให้เรือข้ามฟากซึ่งมีผู้โดยสารอยู่บนเรือจำนวนหนึ่ง เสียหลักไปเบียดดระแทกกับท้ายเรือลากจูง ก่อนที่ตนจะพยายามบังคับเรือไม่ให้เสียหลักพลิกคว่ำ จนสามารถขับประคองเรือเข้าฝั่งได้สำเร็จ ทั้งนี้ตนเองมีประสบการณ์ขับขี่เรือหางยาวและเรือสองตอนมาก่อนแล้ว ก่อนจะมาทำหน้าที่ขับเรือข้ามฟากได้ประมาณ 4 - 5 เดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งมาเกิดเหตุ โดยหลังเกิดเหตุแล้วตนได้ขอโทษผู้โดยสารบนเรือไปแล้ว และตนจะไม่ขับเรือด้วยความประมาทในลักษณะนี้อีก
พิรฎา
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน