เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นายวงศพัทธ์ หรือ ท็อป รติพัชรพรกุล ผู้บริหารบริษัท เอ็กซ์พีเรียนซ์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ค่ายเพลง Rising Entertainment พร้อม น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือทนายนิด้า เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ตามที่ศาลจังหวัดนนทบุรีได้นัดหมายเลขคดีดำ อ 973/65 พร้อมสอบคำให้การจำเลยคือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม หลังถูกยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 
   
ทั้งนี้ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมด้วย นายนรากร อิสระวรางกูล หรือ พอร์ส ได้ออกมาแถลงข่าวยกเลิกสัญญากับทางค่าย EXP Entertainment พร้อมกล่าวหา ค่าย EXP ให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม อีกทั้ง ข้อความบนโซเชียลของทนายตั้ม ที่สร้างความเข้าใจผิด ทำให้ค่าย EXP เกิดความเสียหาย ต่อมาทางค่าย EXP ได้แถลงการณ์ชี้แจงข้อกล่าวหาทั้งหมดว่าไม่เป็นความจริงจึงได้แต่งตั้งทนายนิด้า หรือ น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ ยื่นฟ้องดำเนินคดีตามกฏหมายกับทนายตั้ม ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 
    
ทางด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ซึ่งเดินทางมาตามนัดหมาย ได้กล่าวว่า วันนี้ตนถูกฟ้องร้องเรื่องของการหมิ่นประมาทเรื่องโฆษณา เป็นบริษัทค่ายเพลงที่มีการแถลงเรื่องของน้องพอชที่ไม่เป็นธรรม ศาลได้ไตร่สวนแล้วพบว่ามีมูล ศาลจึงได้นัดหมายพิจารณา ในวันนี้ตนจึงมาในเรื่องของการเป็นจำเลย ซึ่งคงต้องรอการสรุปว่าต้องสืบพยานกันกี่ปาก สาเหตุที่ตนทำไปนั้นเพื่อนักร้องน้องๆวงเยสอินดีส ว่าเป็นยังไง ตนไม่มีความลำบากใจเพราะผ่านเรื่องหมิ่นประมาทมาเยอะ มั่นใจที่ออกมาพูดเพราะตอนนี้ตนได้เข้าช่วยเหลือกลุ่มเด็กที่มีความฝันอยากเป็นศิลปินแต่เขาถูกจำกัดด้วยค่ายเพลงที่มีสัญญาคาอยู่ และวันนี้ตนรู้สึกเซอร์ไพร์สมากที่แซนจะเดินทางฟ้องคดีคุณแม่ ซึ่งถ้าเจอกันตนก็ขอเลือกทักทายสวัสดีคุณแม่มากกว่าเพราะคุณแม่เป็นคนตลก  ส่วนแซนตนไม่ขอคุยด้วยเพราะแซนไม่ตลกแถมยังดูดุ 
  
ทางด้าน น.ส.ศรันยา หรือ ทนายนิด้า กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาศาลเพราะมีหมายนัดเป็นการสอบจำเลยเพราะตนยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ฟ้องคดีมีมูล วันนี้เป็นการนัดจำเลยที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา เป็นการที่ศาลไตร่สวนจำเลย เข้ามาในกระบวนการพิจรณาว่าจำเลยจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ จะต้องมีการตรวจสอบวัตถุพยานต่อไป คดีนี้ตนไม่ได้ฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย ในฐานะทนายความตนไม่เคยบอกกับลูกความว่าจะแพ้หรือชนะคดี เพราะตนมีจรรยาบรรณในทนายความ และอยู่ที่ศาลตัดสิน ที่ตนมาฟ้องเพราะลูกความได้รับความเสียหาย ตนจึงเอาข้อเท็จจริงเข้าสู่ศาล ถ้าศาลเห็นด้วยก็พิพากษาให้จำคุก ถ้าไม่เห็นด้วยก็ยกฟ้องไป แต่ตนไม่เคยรับปากลูกความก่อนว่าจะแพ้หรือชนะ ที่ผ่านมาไม่เคยไกล่เกลี่ยกับจำเลย วันนี้ตนมองว่าลูกความตนได้รับความเสียหาย สิ่งที่ตนนำมาฟ้องมีอยู่หลายข้อ เป็นข้อเท็จจริง ตนมีหลักฐานหลายสิ่งที่ไม่เป็นจริงอย่างที่เขาพูด ไม่ใช่เอาใครมาพูดในโซเชี่ยลก็ได้จะต้องมีหลักฐาน ตอนนี้ตนไม่กังวลในฐานะทนายความมีการเรียกร้องความยุติธรรม ให้ลูกความ จำเลยเคยแถลงข่าวให้ลูกความ จะต้องแก้ตัวให้ลูกความด้วยไม่งั้นจะเกิดความเสียหาย วันนี้ที่เขามาฟ้องมองว่า จำเลยอยู่นอกเหนือเจตนาและมั่นใจว่าที่เขาพูดไม่เป็นความจริง อย่างไรถ้าคดีความไม่ผิดหมิ่นประมาทตนมองว่าไม่ใช่ เพราะทุกอย่างเกิดความเสียหาย ต้องขึ้นอยู่กับศาลว่าจะให้จำเลยมีความผิดหรือไม่ จะมาอ้างว่ารักษาประโยชน์ให้ลูกความไม่ได้ ส่วนคดีอื่นอยู่ในการพิจรณาของศาล ส่วนใหญ่ตนยังไม่เคยฟ้องใครมาก่อน แต่ตนมองว่าคดีนี้เกินไป วันนี้พึ่งเจอกับจำเลยครั้งแรกจึฃเกิดความกังวลเพราะไม่อยากทะเลาะกับใคร ไม่อยากทะเลาะในสายอาชีพเดียวกัน แต่จำเลยชอบอยู่นอกเหนือข้อกติกา ข้อเท็จจริงตนมีครบ 
    
ทางด้านนายวงศพัทธ์ หรือ ท็อป เจ้าของค่ายเพลงกล่าวว่า ตนรอฟังคำพิพากษาว่าจำเลยจะผิดหรือถูก อยู่ที่ศาลท่านจะพิจารณาซึ่งตนไม่อาจกล่าวล่วงได้
   
เบื้องต้นศาลพิจารณาคดีเห็นว่ามีมูล จึงได้ควบคุมตัวทนายษิทรา โดยอนุญาตให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 40,000 บาท ซึ่งทีมทนายความของทนายษิทราได้ยื่นประกันตัวเป็นเงินสด ก่อนจะปล่อยตัวออกไป ก่อนจะนัดอีกครั้งวันที่ 16-17 กรกฏาคม 2567