นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ทุกคะแนนที่พี่น้องประชาชนให้มาก็จะตั้งใจทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ยิ่งได้เยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เสร็จเร็วเท่านั้น เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนถวิลหาและจับต้องได้เร็วที่สุด ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยอะไรทั้งนั้น รอผลนับคะแนนแล้วเสร็จ ซึ่งจะนำนโยบายเป็นตัวตั้ง ส่วนกระทรวงตามมาทีหลัง ทั้งนี้ ย้ำชัดว่าตั้งแต่ก่อนลงคะแนนเรื่องการทำงานร่วมกันของพรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน น่าจะตอบโจทย์ความท้าทายของประเทศมากที่สุด ส่วนการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ส่วนตัวยังไม่ได้ดูตัวเลข แต่ถ้ามีอำนาจในการต่อรอง ก็ต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน คิดถึงประชาชนเป็นตัวตั้ง และนโยบายที่ผลักดัน

ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสะพานที่จะผลักดันเรื่องเหล่านั้น สิ่งที่สัญญากับประชาชนต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคถึงเงื่อนไข ยังเร็วเกินไป ต้องรอคะแนนอย่างเป็นทางการน่าจะ 22.00-23.00 น.

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากอีกฝั่งพลิกล็อกนำขึ้นมาแล้วอาจค้านสายตา นายพิธา ตอบว่า ต้องดูเทรนด์ตัวเลข แต่ปัจจุบันตัวเลขชัดเจนว่าพี่น้องประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ณ ตอนนี้การนับยังไม่ถึง 10% ยังไม่อยากอนุมานอะไรล่วงหน้า แต่จับตาการนับคะแนนอยู่

ปัจจุบันผลคะแนนน่าพอใจ ในพื้นที่ กทม. ตรงกับโพลที่ออกมา ส่วนต่างจังหวัดนำหลายพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน แม้ยังไม่ตามโพล แต่ทะลุเป้า 3 หลักแน่นอน ซึ่ง 2 พรรคใหญ่ อันดับ 1 และ 2 น่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในตอนนี้ เกิน 251 เสียง เป็นนิมิตหมายที่ดีว่าการเปลี่ยนแปลงมาถึงประเทศไทยแล้ว

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลสมัยที่แล้ว และอยากเปลี่ยนอุดมการณ์มาร่วมกับก้าวไกลนั้น นายพิธา ตอบว่า คนที่เปลี่ยนอุดมการณ์อาจจะอยากหน่อย แต่จุดยืนที่ยังชัด คือ "มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง" เพราะฉะนั้นพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นทหารจำแลงทั้ง 2 พรรค (รทสช. และ พปชร.) ก็คือไม่ได้อยู่ใน ครม. ของเรา ที่เหลือต้องคุยเงื่อนไข