วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 เวลา 12:38 น.
ตำรวจเตรียมออกหมายจับคนใกล้ชิด 'แอม ไซยาไนด์ ' ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมโดยใช้สารพิษ หลังพบหลักฐานเชื่อมโยงช่วยกระทำความผิด พร้อมตรวจสอบโรงงานในพื้นที่ กทม. คาดเป็นแหล่งที่มาของสารไซยาไนด์ในคดี
วันนี้ (2 พ.ค.66) พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีแอม ไซยาไนด์ ว่า ยืนยันมีผู้เสียชีวิต 14 ราย และผู้รอดชีวิต 1 ราย และได้ออกหมายจับไปแล้ว 10 คดี ซึ่งนางแอมเป็นผู้ก่อเหตุทั้งหมด ด้วยการให้เหยื่อกินสารพิษหลายรูปแบบทั้งใส่ในน้ำอาหารและใส่ในยาเม็ด และวันนี้ได้มีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวนแต่ละพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเร่งรัดการออกหมายจับในอีก 4 หมายที่เหลือ ซึ่งมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงทั้งหมดแล้ว คาดว่าในสองถึงสามวันนี้จะสามารถขอศาลอนุมัติหมายจับที่เหลือได้ และจะเร่งรัดทั้ง 14 คดีให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ เพื่อออกหมายจับให้มากที่สุด
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพยานหลักฐาน ยังพบผู้ที่คาดว่าจะข้าราชการตำรวจที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดอีก 1 ราย
ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นคนที่เคยถูกตำรวจเรียกมาสอบปากคำแล้ว โดยจากการตรวจสอบพบเส้นทางการเงิน การใช้โทรศัพท์ และพฤติกรรมอื่นๆ ที่เชื่อมโยงอย่างชัดเจน คาดว่าจะสามารถออกหมายจับได้ภายในหนึ่งถึงสองวันนี้
พลตำรวจออกสุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องและให้ความร่วมมือเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นบุคคล โรงงาน บริษัท ซึ่งในวันนี้ได้ประสานอธิบดีกรมโรงงาน สำนักงานกรรมการอาหารและยาเข้าตรวจค้นโรงงานนำเข้าสารไซยาไนด์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ฉันคาดว่าเป็นแหล่งที่ผู้ต้องหาได้รับสารไซยาไนด์มา หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ไม่ได้มีการชันสูตรพลิกศพตามกระบวนการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกหลายราย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงได้กำชับพนักงานสอบสวนและหัวหน้าสถานีให้มีการตรวจชันสูตรพลิกศพที่เสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติในทุกกรณี แม้จะเป็นกรณีที่ญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ซึ่งแนวทางการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนและแพทย์นั้นมีระเบียบกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่สำหรับบางกรณีที่ผ่านมาต้องเห็นใจพนักงานสอบสวนในพื้นที่ห่างไกลที่มีปัญหาในการเคลื่อนย้ายศพไปชันสูตรด้วย