หน้าแรก > อาชญากรรม

ตำรวจไซเบอร์รวบหนุ่มอ้างเป็นร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย หลอกเหยื่อโอนเงิน เผยทุกขั้นตอนแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันที่ 24 เมษายน 2566 เวลา 23:59 น.


ตำรวจไซเบอร์รวบหนุ่มอ้างเป็นร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย หลอกเหยื่อโอนเงิน เผยทุกขั้นตอนแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันที่ 24 เม.ย.66 ที่ บก.สอท.1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 , พ.ต.อ.ณัฐภณ จินตะนานุช รอง ผบก.สอท.1 , พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.สอท.1 ,พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1, และ พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. พ.ต.ท.ธรรมปกร กัณหญาวงษ์ รอง ผกก.2 บก.สอท.1,
พ.ต.ท.ธนัช ธนาบุญประกอบ  สว.กก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ พระศรี  สว.กก.2 บก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สอท.1 ร่วมกันจับกุมตัว นายนวกร หรือขุน อายุ 27 ปี

ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 103/2565 ลงวันที่ 13 มกราคม 2566 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันเป็นซ่องโจร,ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์การอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน และหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ จ.420/2565 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ในข้อกา ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน  จับกุมได้ที่ ซอยเพชรสุวรรณ แขวงศิริราช เขต บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

จากการสอบสวน นายนวกร หรือขุน ผู้ต้องหา ทราบว่า ตนทำงานอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตำแหน่งที่ทำคือ สาย 2 มีหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย โดยมีสายที่ 1 เป็นพนักงานบริษัทส่งพัสดุ และสายที่ 3 คือ นายตำรวจยศสารวัตร ที่เป็นคนรับเรื่องและเช็คยอดเงินที่หลอกเหยื่อ ให้โอนเงินเข้ามา เป็นคนที่บังคับหน้าจอโดยใช้ทีมวิวเวอร์ ส่วนสายที่ 4 จะเป็นนายประกันหลอกให้เหยื่อไปหาเงินมาเป็นหลักประกัน สำหรับแก๊งที่ตนทำงานด้วยจะมีนายใหญ่ เป็นนายทุนจีน 2 คน คือ นายอาตี่ จะไป-มาระหว่างประเทศจีน กับ ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และเป็นมือขวา ของนายต้าเหว่ย ซึ่งเป็นนายทุนจีนที่อยู่ในประเทศจีน กรณีหมอที่ จ.ชุมพร ถูกกลอก 101 ล้านบาท ตนไม่ได้เป็นคนทำ เป็นสายงานของคนไทย ชื่อนายเบียร์ แต่ที่ตนทราบคือนายเบียร์ โอนเงินเข้าออฟฟิซแค่ 69 ล้านบาท ที่เหลือตนไม่แน่ใจว่าไปไหน ส่วนกรณีนักธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ตนเป็นคนทำ ซึ่งทั้งสองกรณีมีนายใหญ่คนเดียวกัน คือ นายอาตี่ และนายต้าเหว่ย

นายนวกร กล่าวต่อว่า ตนเข้าไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะได้สมัครงานทางเฟซบุ๊ก ที่ประกาศรับสมัครงาน ฝาก ถอน แอดมิน เงินเดือน 25,000 บาท มีที่อยู่ ที่กิน และค่าคอมมิชชั่นให้ 4% ตนสนใจจึงสมัครไปทำงาน โดยมีคนติดต่อมาให้ขึ้นรถข้ามไปฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตนไปถึงก็ไปอยู่ที่เขาเรียกว่า อตกปลา โดยมีสัญญาจ้าง 6 เดือน ตนจึงเดินทางไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 และทำงานอยู่จนครบสัญญา และอยู่รอภรรยาที่ตามไปทีหลัง โดยเวลาที่ตนไปอยู่ที่บ่อตกปลา งานที่ทำมันไม่ตรงปกตนถูกขัง ถูกซ้อม และไม่ให้กินข้าว หลังจากที่ตนกลับมาได้ก็หาทางช่วยภรรยาออกมา คนที่ชวนตนไปคือ นายยีน ที่ถูกจับไปแล้ว ทั้งนี้นายทุนจีนจะมีคนสนิทที่เป็นคนไทย ชื่อนายชัย จะเป็นล่ามและเป็นคนรับคำสั่งจากนายทุนจีนทุกเรื่องมาสั่งงานต่อ นอกจากนี้นายชัย ยังเป็นคนจ่ายเงินที่เป็นเปอร์เซ็นต์ให้กับคนที่หลอกเงินมาได้ โดยจะได้รับค่าคอมมิชชั่น 4% และจ่ายจริง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม