หน้าแรก > สังคม

คุมประพฤติ ปิดยอด 7 วันอันตราย สงกรานต์ 66 "เมาขับ" 8,575 คดี กรุงเทพฯ ครองแชมป์

วันที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 09:32 น.


วันนี้ (18 เมษายน 2566) นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า วันสุดท้ายของการคุมเข้ม 7 วันอันตรายสงกรานต์ 2566 (17 เมษายน 2566) สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติมีจำนวนทั้งสิ้น   1,910 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 1,870 คดี คิดเป็นร้อยละ 97.9  และคดีขับเสพ 40 คดี  คิดเป็นร้อยละ  2.1 สำหรับยอดสะสม 7 วัน (วันที่  11 – 17 เมษายน 2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 8,869 คดี  จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา  8,575   คดี คิดเป็นร้อยละ 96.69 คดีขับรถประมาท  23  คดี คิดเป็นร้อยละ  0.26 คดีขับซิ่ง 1 คดี คิดเป็นร้อยละ  0.01 และคดีขับเสพ  270 คดี คิดเป็นร้อยละ  3.04  จังหวัดที่มีคดีขับรถในขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 522 คดี  รองลงมาร้อยเอ็ด จำนวน 473 คดี และอันดับสาม เชียงใหม่ จำนวน 458  คดี

เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมทั้ง 7 วันที่เข้าสู่ระบบงานคุมประพฤติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565 มีจำนวน 7,141 คดี กับ ปี พ.ศ. 2566 จำนวน 8,575 คดี พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1,434 คดี คิดเป็นร้อยละ 20.08

สำหรับในช่วง 7 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ได้ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชนตามสถานที่ต่างๆ โดยให้บริการประชาชนแจกน้ำดื่ม อาหาร เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่ม อำนวยความสะดวกจราจร ที่จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 562  จุด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย อาสาสมัครคุมประพฤติ เครือข่ายยุติธรรมชุมชน ผู้ถูกคุมความประพฤติ และประชาชน  จำนวนทั้งสิ้น  12,636  คน

อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเน้นย้ำถึงมาตรการคุมประพฤติที่มีต่อผู้กระทำผิดที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุราทุกราย จะต้องผ่านการคัดกรองแบบประเมินการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะส่งเข้ารับการบำบัดรักษา ณ สถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สำหรับผู้กระทำผิดที่มีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ ต้องเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมความประพฤติ อาทิ รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และทำงานบริการสังคม เพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากการเมาแล้วขับ  เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียต่อตนเองและครอบครัว รวมถึงสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมต่อไป

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม