หน้าแรก > สังคม > ข่าวที่น่าสนใจ

กทม. ประสาน บช.น. แก้ไขปัญหารถสาธารณะจอดในที่ห้ามจอด และส่งเสริมภาพลักษณ์เมือง

วันที่ 29 ธันวาคม 2565 เวลา 21:45 น.


วันที่ 29 ธ.ค.65 พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจสอบปัญหารถสาธารณะจอดในที่ห้ามจอดบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ ว่า วันนี้เป็นการลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในเรื่องรถสาธารณะ รถสามล้อและรถแท็กซี่ จอดกีดขวางการจราจรบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ตลอดแนวและตลอดเวลา ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ห้ามจอด การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบ 2 ด้าน ด้านแรกทำให้เสียช่องจราจร บางครั้ง 1 ช่อง บางครั้ง 2 ช่อง โดยเฉพาะในช่วงเลิกงานหรือรถออกจากห้างเยอะๆ ท้ายแถวของรถสาธารณะจะเลยช่องทางออกของศูนย์การค้า ทำให้รถที่ออกต้องตีวง กินไปถึงช่องทางที่ 3 ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และตัดกระแสรถอยู่เกือบตลอดเวลา เรื่องนี้ได้มีการหารือกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล สถานีตำรวจนครบาลพญาไท สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน จากการวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเรื่องวินัยจราจร และเรื่องปากท้องของผู้ขับขี่รถสาธารณะ จริงๆ แล้ว คนที่ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 

ส่วนเรื่องที่ 2 ที่ได้รับร้องเรียนผ่านสถานทูต ว่า นักท่องเที่ยวถูกรถสาธารณะหลอกลวงชักชวนพาไปเที่ยวในที่ต่างๆ ราคาถูก หรือรับผู้โดยสารไม่กดมิเตอร์แล้วคิดราคาเหมา หรือบางครั้งคิดอัตราค่าโดยสาร 50 บาท แต่คิดเป็นรายหัว สิ่งเหล่านี้กระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย เรื่องนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กล่าวว่ากทม. ต้องทำให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในทุกๆ ด้าน ในฐานะที่ กทม. ต้องดูแลความปลอดภัยและรักษาชื่อเสียงของกรุงเทพมหานคร

ในเรื่องนี้จากการหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ข้อสรุปที่จะร่วมมือกันทำงานอย่างเป็นรูปธรรม อย่างแรก กายภาพของการห้ามจอดต้องชัดเจน และทำจุดที่รถสาธารณะสามารถจอดได้ถ้ามีความจำเป็น แต่จริงๆ แล้ว ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มีจุดจอดรถแท็กซี่ 2 จุด คือด้านฝั่งโรงแรมเซนทารา กับด้านตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขณะนี้ด้านหลังห้างฯ ก็อยู่ระหว่างทำเป็นจุดจอดรถแท็กซี่ วันนี้จึงมาดูว่าความจำเป็นของด้านหน้าถนนราชดำริมีมากน้อยแค่ไหน ผู้ที่ตัดสินใจร่วมก็จะเป็นสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี และสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ที่จะเจาะช่องจราจร การปรับรั้ว ปรับทางเดินเท้า เพิ่มกล้อง CCTV แบบ AI ในการบันทึกป้ายทะเบียนรถที่ฝ่าฝืน และอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายจราจรของสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี และสถานีตำรวจนครบาลพญาไท เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี ต้องขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนปฏิบัติตามวินัยจราจร มีจิตสำนึกที่ดี เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม