ตำรวจ PCT รวบผู้ต้องหาร่วมแก๊งตุ๋นหมอฟันซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม กลับได้ขนมบูด

14 เม.ย.2566 ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร) หรือ PCTชุดที่ 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ PCT 5 และฝ่ายสืบสืบสวนนครบาล จับกุม น.ส.พรณภา  (สงวนนามสกุล)  อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับได้บริเวณอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ทันตแพทย์หญิงรายหนึ่ง ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ในราคา 57,000 บาท แต่กลับส่งสินค้าประเภท ครีมกันแดด , โลชั่นทาผิว และขนมบูด (หมดอายุ) จำนวน 3 กล่อง เมื่อผู้เสียหายติดต่อกลับไปหามิจฉาชีพรายนี้ จะอ้างว่า “ส่งผิด , เดี๋ยวจะส่งให้ใหม่” และท้ายสุดก็จะบ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้อีก  

ขณะที่จากการสืบสวน พบการก่อเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง ในระหว่าง 30 มี.ค.2566 ถึง 5 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้เสียหายทุกรายจะสั่งซื้อกระเป๋า แต่จะได้รับสิ่งของเช่นเดียวกับทันตแพทย์หญิง โดยพบว่า เมื่อมีการรับเงินโอนจากผู้เสียหายแล้ว จะทำการสั่งซื้อของออนไลน์จากร้านค้าอื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือให้ส่งสินค้า ซึ่งไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์เนมไปให้กับผู้เสียหายเพื่อเบี่ยงประเด็นให้เข้าใจว่า ตัวมิจฉาชีพอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และสาเหตุส่งของ ซึ่งไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์เนมไปให้ผู้เสียหาย เพื่ออ้างว่าเป็นการ “ส่งผิด , ส่งสลับกับลูกค้ารายอื่นๆ” ไม่ได้เป็นการฉ้อโกง ถือเป็นการกำหนดรูปแบบมาเพื่อก่อเหตุเป็นอย่างดี

ในชั้นจับกุม น.ส.พรณภา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ว่างงาน ต้องการหารายได้เพื่อส่งลูกเข้าโรงเรียน ซึ่งมีเฟซบุ๊ก ที่มีการโพสต์ส่งข้อความมาหาตน ระบุ  "รับสมัคร แอดมิน เลขา ขอคนมีเวลาตอบไลน์เร็ว รายได้ 1,000-1,500 บาทต่อวัน รายเดือน 25,000-30,000 บาทต่อเดือน ไม่มีค่าสมัคร ถูกกฎหมาย 100% โดยขั้นตอนการทำงาน คือ 1.รับโอนเงินจากลูกหนี้  2.ถ่ายรูปเวลาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม 3.กดถ่ายรูปเสร็จให้นำเงินที่ถ่ายรูป ฝากให้ลูกหนี้ที่จะกู้เงินอีกทีนึง โดยใช้ตู้ฝากเงิน 4.ทำรีวิวแชทถือเงินสด งานไม่ผิดกฎหมาย ไม่เสียค่าสมัคร  

น.ส.พรณภา ระบุ ตนเริ่มงานกับผู้ใช้บัญชีไลน์คนดังกล่าว จำนวนประมาณ 10 ครั้ง ได้รับค่าตอบแทนแต่ละครั้ง 500-1,000 บาท รวมทั้งสิ้นประมาณ 6,000 บาท และรู้สึกเสียใจมากเพราะบทลงโทษ มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย อีกทั้งตัวผู้ร่วมขบวนการยังเอาบัตรประชาชนของตนไปปลอมแปลงและวางไว้บนสินค้าเพื่อขายในโลกออนไลน์อีก

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”  พร้อมควบคุมตัวและของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดี