วันที่ 4 เมษายน 2566 เวลา 18:19 น.
วันที่ 4 เมษายน 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า พฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีนที่่ร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม นศ.จิน ซ่าน นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านธนบุรี พบว่าเดินทางมาที่ไทยเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 จากนั้นได้มีการจัดหาที่พักอาศัย โดยมีหญิงไทย วัย 19 ปี ที่รู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหาผ่านแอพแชทชื่อดัง ทำหน้าที่เป็นนางนกต่อ ช่วยแนะนำสถานที่พักอาศัย ยานพาหนะ เส้นทาง รวมทั้งร่วมสนับสนุนก่อเหตุฆาตกรรมอำพราง ที่ผ่านมาทางกลุ่มผู้ต้องหามีความสัมพันธ์รู้จักกับผู้เสียชีวิตระดับหนึ่งตอนอยู่ที่ประเทศจีน และเมื่อมาไทยก็มีการนัดพบกันและ 1 ใน 3 คนร้าย ก็บังคับให้ผู้เสียชีวิตร่วมหลับนอน แต่ถูกปฎิเสธทำให้ไม่พอใจ จนนำมาสู่การวางแผนเรียกค่าไถ่จากบิดาที่อยู่เมืองจีนเป็นเงิน 5 แสนหยวน หรือราว 2.5 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการตกลงกัน ทางบิดาก็ได้รับแจ้งว่าลูสาวเสียชีวิตแล้ว
จนกระทั่งทางการจีนประสานว่าสามารถจับกุมผู้ต้องชาวจีนได้ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีนและขายผลจับหญิงไทย อายุ 19 ปี ที่เป็นนกต่อ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาชาวจีนเคยก่อเหตุคดีอาชญากรรมที่จีนมาแล้ว ส่วนรายละเอียดทางคดีเพิ่มเติมตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผล ส่วนรายละเอียดทางคดีได้มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าวันพรุ่งนี้ (5 เมษายน 2566) ได้เรียก พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาพูดคุยเพื่อวางแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา เรื่องชาวต่างชาติเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมในไทย ซึ่งส่วนหนึ่งต้องมีการทบทวน Visa on Arrival ที่อนุญาตให้คนจีนมาขอทำที่สนามบินปลายทาง ส่วนจะถึงขั้นยกเลิกวีซ่าดังกล่าวกับนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือไม่ เห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนตนเองไม่อาจก้าวล่วงได้ ต้องหารือร่วมกันหลายหน่วยงาน
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการกองกฎหมายและคดี กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชาวจีนที่มาก่อเหตุฆ่าชาวจีนด้วยกันและหลบหนีไปที่ประเทศจีนและถูกทางการจีนจับกุมตัวได้ กรณีดังกล่าวเทียบเคียงกับกฎหมายไทยจะสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามมาตรา 8 ผู้ใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และ กรณีผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ ถ้าความผิดนั้นเป็นความผิดดังระบุไว้ต่อไปนี้ จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร คือ ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 217 มาตรา 218มาตรา 221 ถึงมาตรา 223 ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีเกี่ยวกับมาตรา 220 วรรคแรกและมาตรา 224 มาตรา 226 มาตรา 228 ถึงมาตรา 232 มาตรา 237 และมาตรา 233 ถึงมาตรา 236 ทั้งนี้ เฉพาะเมื่อเป็นกรณีต้องระวางโทษตามมาตรา 238