หน้าแรก > สังคม > ข่าวที่น่าสนใจ

เหยื่อ 5 พันคนโดนตุ๋น ทำงานแค่กดไลค์ยูทูบสูญพันล้าน

วันที่ 26 ธันวาคม 2565 เวลา 14:38 น.


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ธ.ค.65 ที่กองบัญชาการตำรวตสอบสวนกลาง ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการ ส่งเสริม สิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ พาผู้เสียหายกว่า 100 คน เข้าแจ้งความกับตำรวจ หลังถูกบริษัทแห่งหนึ่ง หลอกลวงให้ลงทุน ทำงานในโทรศัพท์ แค่กดไลค์ช่องยูทูบที่ทีมงานส่งมาให้แล้วจะได้เงินเป็นค่าตอบแทนสูง โดยคดีนี้มีผู้เสียหายกว่า 5,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้าน

ทนายไพศาล กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายผ่าน เพจทนายไพศาลช่วยด้วย ภายใน 1 วัน มีผู้เสียหายมาร้องเรียนกว่า 100 คน จึงตัดสินใจเปิดไลน์กลุ่มใหญ่ ปรากฏว่ามีผู้เสียหายกว่า 5,000 คนมาร้องเรียนในเรื่องเดียวกันว่าถูกบริษัทแห่งหนึ่งหลอก โดยทำงานง่าย ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ แค่เข้าไปดู ไปคอมเมนท์ช่องยูทูบที่ทีมงานส่งมาให้ ตามจำนวนเงินที่เราลงทุน เราก็จะได้เงินแล้ว เริ่มจากให้ร่วมลงทุน 300 บาท เพื่อเปิดบัญชี จากนั้นทำงานตามที่ทีมงานบอก โดยจำนวนลงทุนมีผลกับจำนวนงานที่ได้รับ หากลงทุนเยอะ ทีมงานก็จะส่งงานมาให้ทำเยอะ ก็จะสมัคร id หลายช่อง จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุนอย่างง่ายดาย

ทนายไพศาล กล่าวว่า เงินที่ได้จากการทำงานจะถูกฝากในแอพพลิเคชั่นของบริษัทดังกล่าว ผู้เสียหายส่วนใหญ่ก็ลงทุนเยอะ เพราะต้องการได้ผลตอบแทน จึงลงทุนไปเรื่อยๆ ช่วงแรกก็จะได้เงินเร็ว ค่าตอบแทนเฉลี่ยสูงสุด เงินปันผลจะให้กำไร 1,300 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ลักษณะคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ และ Forex 3d โดยคดีนี้มีผู้เสียหายมากสุดถึง 15 ล้านบาท

โดยผู้เสียหายรู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอก เนื่องจากมีข้อความส่งมาทางแอพพลิเคชั่นที่ใช้ทำงานว่า ยูทูบยกเลิกสัญญากับบริษัท ทำให้ไม่สามารถเข้าไปทำงานในช่องทางยูทูบได้ จึงให้ย้ายไปทำในช่องทางไอจีแทน และทำให้ผู้เสียหายต้องลงทุนใหม่ ส่วนเงินที่ได้จากยูทูบนั้นก็ไม่สามารถถอนออกมาได้ เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงนำข้อมูลมาร้องเรียนกับตน

ทนายไพศาล กล่าวว่า จากการตรวจสอบชื่อของบริษัทพบว่าเป็นนายทุนชาวจีน ที่ใช้นอมินีเป็นคนไทย ในการสวมรอยจดทะเบียนมาเปิดบริษัทได้ 2 ปี โดยใช้เงินในการจดทะเบียนเปิดบริษัท 2 ล้านบาท งบการเงินมีไม่ถึงหลักหมื่น แต่บริษัทระดมทุนถึงหลักพันล้าน จากการตรวจสอบแล้วบริษัทนี้ไม่มีที่ตั้งและตัวตนอยู่จริง โดยบริษัทนี้มีแม่ข่ายเป็นคนไทยด้วยกัน เบื้องต้นทราบมาว่าเจ้าของบริษัทได้หนีไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว

สำหรับแนวทางกฎหมายที่สามารถดำเนินคดีได้ มีความผิดในฐาน พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน , ฉ้อโกงประชาชน , การฟอกเงิน ซึ่งก็จะให้ สำนักงานป้องกันและปรับปรามการฟอกเงิน ตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน ซึ่งก็จะเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย คดีในลักษณะนี้ศาลเคยตัดสินจำคุกเป็นแสนๆ ปีมาแล้ว โดยตนได้ประสานกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ไว้แล้ว

ด้านนายเฉลิม อายุ 33 ปี กล่าวว่า ตัวเองเป็นนายหน้าและเป็นผู้เสียหายด้วย ตัวเองเริ่มจากการเป็นลูกค้า ก่อนหลังจากนั้นก็มีแม่ทีมชักชวนให้มาช่วยเป็นแอดมิน รับเรื่องและส่งงานให้กับลูกข่ายทุกคน โดยเริ่มแรกให้ค่าตอบแทน 500 บาท ก่อนจะขยับขึ้นเมื่อเดือนพ.ย.เป็น 1,000 บาท โดยหน้าที่หลักๆ คือช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการทำงานให้แก่ลูกค้า และส่งเรื่องให้กับแม่ทีมทุกทีม และตนก็จะได้ค่าหักเปอร์เซ็นต์ หากสามารถชวนคนมาร่วมลงทุนได้ โดยตอนนี้ตนก็เสียหายกว่า 70,000 บาท

ส่วนตัวไม่คิดว่านี่คือการหลอกลวง เนื่องจากเงินเข้าออกตลอดเวลา จนมาเจอกับตัวเองเพราะเงินที่ว่าจ้างไม่สามารถถอนออกมาได้และถูกหลอกให้ทำงาน แม้แต่หน้าแม่ข่ายตัวเองก็ไม่เคยเห็น  

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม