20 มี.ค. 66  นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า จากการทำงานตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ตนมีความภูมิใจที่สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 นี้ ได้ปฏิบัติหน้าที่ครบ 4 ปี ถือว่า ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่จนเกือบครบถ้วน โดยพิจารณากฎหมายของรัฐบาลได้ผ่านไปเกือบทั้งสิ้น ยกเว้นในช่วงปลายสมัยของสภาฯ มีปัญหาเรื่ององค์ประชุม แม้ว่าตนได้ทำหนังสือขอความร่วมมือถึงนายกรัฐมนตรีและกระทรวงผู้เสนอกฎหมายนั้น แต่สุดท้ายองค์ประชุมก็ยังไม่ครบ ทำให้ทำร่างกฎหมายบางฉบับยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ อาทิ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. .... ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ. .... และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ของสภาฯ ชุดนี้ ซึ่งถือเป็นชุดพิเศษหลังจากว่างเว้นให้มีการเลือกตั้งมา 5 ปี จึงเป็นเหมือนเป็นสภาชุดที่เริ่มใหม่ มีสมาชิกเข้ามาใหม่ 500 คน ตนจึงตั้งใจทำหน้าที่ในสภานี้ให้ถึงที่สุด เพราะเห็นว่าสมาชิกใหม่ต้องการคำแนะนำหลายเรื่อง ซึ่งสมาชิกเหล่านี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยมีปรากฏการณ์ใหม่ คือ การรักษาเวลาการอภิปราย ทำให้ทุกคนได้อภิปราย ส่วนสภาฯ ในอนาคต คือ การทำให้สิ่งที่ทำอยู่ 4 ปีนี้ เป็นบทเรียนทั้งในทางบวกและทางลบ ในทางบวก คือ การดำรงไว้ซึ่งหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งการออกกฎหมายและการตรวจสอบฝ่ายบริหารตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ส่วนทางลบ คือ พฤติกรรมที่เข้ามาหาผลประโยชน์ และการแต่งตั้งคนที่ไม่เหมาะสมมาเป็นกรรมาธิการเพื่อมาหาผลประโยชน์ ขณะที่ข้อท้วงติงจากผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันพระปกเกล้า เกี่ยวกับการแต่งกายของสมาชิก ที่ผ่านมาได้มีการสมาชิกให้ปฏิบัติตามข้อบังคับแล้ว และในอนาคตจะมีการกำหนดหลักสูตรระยะสั้นให้ ส.ส.ได้ทราบภารกิจตามกฎหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ทำภายใต้เวลาที่จำกัด ขณะที่การเมืองหลังการเลือกตั้ง นั้น คาดว่าโครงสร้างพรรคการเมืองคงลดลง โดยพรรคร่วมรัฐบาลอาจมีไม่ถึง 19 พรรค และพรรคที่อยู่ในสภาไม่ถึง 26 พรรค อย่างไรก็ตาม หากยุบสภาวันนี้ (20 มี.ค.) จะมีเวลาให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศวันเลือกตั้ง ภายใน 5 วัน โดยโอกาสและความเป็นไปได้จะอยู่ในวันที่ 7 หรือ 14 พฤษภาคม นี้

ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ที่ช่วยดำรงข่าวสารที่ให้ประโยชน์กับประชาชน อาทิ ความไม่รับผิดชอบของนักการเมือง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยตัดสินใจในการเลือกตั้งแต่ละครั้งว่า เลือกคนประเภทใดมาบริหารประเทศ หากเลือกคนดีก็จะได้รัฐบาลที่ดีมาบริหารประเทศ 

"จากนี้ในอนาคตหากมีสภาฯ ชุดใหม่ ผมก็อยากให้นำมาเป็นบทเรียนทั้งแง่บวกและลบ ดำรงไว้ซึ่งนิติบัญญัติ ตรวจสอบฝ่ายบริหารตามกฎหมาย และใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่ทำพฤติกรรมที่หาผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งแต่งตั้งคนที่ไม่เหมาะสมมานั่งในกรรมาธิการ พูดจาข่มขู่ คุกคามกันในที่ประชุม ทำให้เป็นภาระต่อคณะกรรมการจริยธรรม เปลืองทั้งงบประมาณ เอกสาร ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ว่ากันว่าเป็นฉบับปราบโกง แต่ต้องยอมรับว่าการทุจริตยังระบาดไปทั่ว ไม่เพียงแต่ ส.ส.แต่ยังลามไปในวงข้าราชการอีกด้วย"