วันที่ 18 เมษายน 2568 เวลา 13:19 น.
พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ถึงคลิปเหตุการณ์รถยนต์ BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ารถกระบะ ก่อนที่รถกระบะจะเสียหลักพุ่งชนขอบทางมอเตอร์เวย์ ช่วงออกรังสิต-นครนายก ส่งผลให้คนขับรถกระบะซึ่งเป็นชายสูงอายุได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งผู้โดยสารที่เป็นภรรยา ก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งต่อมาพบว่าญาติของคนขับรถ BMW ได้มีการพูดในลักษณะอ้างถึงความสัมพันธ์ฉันญาติกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยระบุ และเรียกว่า 'อาต่าย' พร้อมโชว์หลักฐานเป็นรูปภาพที่ถ่ายร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งยังมีรายงานว่าบุคคลดังกล่าว เป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) และยังมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ของพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมของผู้ขับรถ BMW นั้น
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นในสังคม ขณะนี้ได้เน้นย้ำไปยังตำรวจทางหลวง และตำรวจพื้นที่ สภ.ลำลูกกา ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยอมรับว่า ส่วนตัวรู้จักกับ 'นายกเบี้ยว' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี บิดาของ ผู้ขับรถ BMW คันดังกล่าว และด้วยความที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงทำให้มีคนอยากทำความรู้จัก และถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งรูปที่ปรากฏในข่าวยอมรับว่าได้ถ่ายไว้ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยศพลตำรวจโท รวมถึงที่ผ่านมาเมื่อพบใคร ก็มักถูกเรียกนับญาติว่าอาต่ายเป็นปกติ ตามประสาคนรู้จักกัน นอกจากนี้ ด้วยนโยบายของตนเองที่สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศ วางตัวเป็นมิตรกับประชาชนดุจญาติ ซึ่งการเรียกว่าเป็นน้า ก็เป็นอาเป็นเรื่องที่ตนเองก็พึงพอใจ ดีกว่าใช้สรรพนามเรียกว่าท่าน ดังนั้น จึงขอให้สังคมแยกแยะเรื่องของการรู้จักกัน กับเรื่องการที่ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นกรณีของบุคคลคนหนึ่งที่ขาดจิตสำนึกและวุฒิภาวะ ขาดความเอื้ออาทร และขาดความรับผิดชอบต่อผู้อื่น พร้อมตั้งคำถามว่าหากรถคันนั้นมีเด็กอยู่ด้วยจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นจะต้องมีสติ รวมถึงเมื่อเกิดเหตุขึ้น ก็ไปอ้างไปโอ้อวดกับเจ้าหน้าที่ นั่นคือนิสัยที่พยายามสร้างให้ตัวเองดูดี โอ้อวดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐว่ารู้จักผู้มีตำแหน่ง พร้อมกล่าวว่ายิ่งโอ้อวดยิ่งจะโดนโทษหนักมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้กำชับให้ตำรวจทางหลวง ดำเนินคดีในเรื่องอุบัติเหตุ แต่ในเรื่องของคดีอาญา อยู่ระหว่างการที่ผู้เสียหาย จะต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.ลำลูกกา โดยสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการโดยเร็วและไม่ให้ความช่วยเหลือกับบุคคลใดทั้งสิ้น พร้อมย้ำว่าผู้กระทำความผิดจะต้องได้รับบทเรียนและโทษทัณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า คดีนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่อย่างไรนั้น ตนเองไม่ทราบ หรือ 'นายพีช' จะไปลงสมัครตำแหน่งทางการเมืองตำแหน่งใด ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ย้ำว่า ประชาชนก็จะต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกผู้แทนของตน ส่วนประชาชนจะเลือกหรือเปล่า ตนไม่สามารถตอบแทนได้
พร้อมกันนี้ ยังกล่าวเพิ่มว่า จากการกระทำของผู้ก่อเหตุ ตนเองไม่มีญาติเช่นนี้ เมื่อมีคนเช่นนี้มาเรียกตนว่าเป็นอาต่าย ก็ฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหู เหตุใดจึงกระทำผิดแล้วมาแสดงออกแบบนี้ ตนไม่เข้าใจ พร้อมย้ำว่าตนเองมีลูกคนเดียว และสั่งสอนว่าอย่ากระทำผิด ให้ประพฤติในสิ่งที่ดี อย่าทำตัวเป็นขยะสังคม แต่ถ้าทำอะไรผิดขึ้นมา แม้จะเป็นลูกของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็จะไม่มีการช่วยเหลือ ต้องรับโทษตามกฎหมาย พร้อมกับขอให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ และฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนให้มีสติ ให้แบ่งปันกัน เอื้ออาทรกัน เห็นอกเห็นใจกัน เหตุต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดและไม่ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โต และจะได้ใช้รถใช้ถนนอย่างมีความสุข
ทั้งนี้ หากคนทั่วไปที่มีความประพฤติดี อยากจะเรียกตนเองว่าน้าหรืออาต่ายก็ยินดี แต่ไม่ใช่การทำพฤติกรรมเช่นนี้แล้วมาเรียกนับญาติตนว่าเป็นน้าหรือเป็นอา โดยยืนยันว่า ได้กำชับตำรวจอย่างชัดเจน ว่าไม่ต้องหวั่นไหว ในการดำเนินคดีนี้อย่างแน่นอน