วันที่ 7 เมษายน 2568 เวลา 00:06
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามปัญหาและการปราบปรามยาเสพติด SEAL STOP SAFE ที่ จ.บึงกาฬ และติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่เขตตรวจราชการเขตที่ 10
วันที่ 6 เมษายน 2568 ที่ห้องประชุมภูทอก ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ เพื่อกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่เขตตรวจราชการเขตที่ 10 จังหวัดบึงกาฬ พร้อมร่วมประชุมส่วนราชการ ถึงสภาพปัญหาและการปราบปรามยาเสพติด รายงานผล SEAL STOP SAFE และการเตรียมความพร้อมภัยแล้ง-ภัยพิบัติ โดยมีนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดบึงกาฬ ให้การต้อนรับ และรายงานผลการดำเนินงานต่างๆ
จังหวัดบึงกาฬ มีภูมิประเทศที่เป็นชายแดน มีแม่น้ำโขงกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีความยาวประมาณ 120 กิโลเมตร มีอำเภอชายแดน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด และอำเภอบุ่งคล้า เป็นพื้นที่ลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามลำน้ำโขง ได้แก่ ยาบ้า ไอซ์ และเคตามีน ส่วนด้านการดำเนินงานบำบัดฟื้นฟู ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในระบบสมัครใจในโรงพยาบาล เป้าหมาย 1,883 คน และการขับเคลื่อนประสานงานการดำเนินงานการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปรามปราบยาเสพติด SEAL STOP SAFE ผนึกกำลังอำเภอชายแดนจังหวัดบึงกาฬ ตามโครงการบูรณาการปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดบึงกาฬ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า จ.บึงกาฬได้ชื่อว่าเป็นที่พื้นที่ที่มีทางเข้าออกของยาเสพติดจำนวนมาก บึงกาฬมีจุดแข็งในการแก้ปัญหายาเสพติด โดดเด่นเรื่องการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูบำบัดผู้เสพยาเสพติด ควบคู่ไปกับการปราบปราม ตามนโยบายรัฐบาลการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “SEAL STOP SAFE” ตามแนวชายแดนธรรมชาติลำน้ำโขง โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนในกระบวนการแก้ไขปัญหายาเสพติด สามารถนำเทคโนโลยีเครื่องมือสื่อสารมาใช้ในการตรวจสอบในการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจังหวัดบึงกาฬจะเป็นตัวอย่างที่ดีด้านการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดต่อไป
ทีมข่าว NBTภาคอีสาน