หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 21 มีนาคม 2568

วันที่ 22 มีนาคม. 2568 เวลา 05:25 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 21 มีนาคม 2568

>> 191 รวบพ่อค้ายาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า และอาวุธปืน จำนวนมาก

11.00 น. กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหา พร้อมยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า และอาวุธปืน จำนวนมาก โดยแยกเป็น 3 คดี

โดยคดีแรก 191 รวบผู้ต้องหาชาย 2 ราย ซุกไอซ์เตรียมกระจายเข้ากรุง โดยบุกเข้าจับกุมได้ภายในบ้านพัก ในพื้นที่ ต.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พร้อมของกลาง ไอซ์ น้ำหนัก 332 กิโลกรัม ,คีตามีน น้ำหนัก 18 กิโลกรัม ,รถยนต์จำนวน 2 คัน,รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน

คดีที่ 2 บุกทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้า จับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมด้วยของกลาง 1. หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 537 ชิ้น,เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 7,206 ชิ้น,น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 74 ชิ้น,คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 54 ชิ้น,อุปกรณ์ประกอบแก๊สหัวเราะ ,ก๊าซไนตรัสออกไซด์ จำนวน 29 กระบอก, ลูกโป่ง จำนวน 60 ใบ, กระป๋องอัดแก๊ส จำนวน 90 อัน

คดีที่ 3 ตรวจยึดอาวุธปืน และจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 4 กระบอก,เครื่องกระสุน จำนวน 19 นัด โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต”

>> ตำรวจป่าตอง ปราบสาวประเภทสอง ก่อความเดือดร้อนรำคาญ สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีกระทบการท่องเที่ยว

11.45 น. พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ธีระวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เฉลิมชัย เหิรสวัสดิ์ ผกก.สภ.ป่าตอง ร่วมกับ พ.ต.อ.ณรภณ วัฒนะกรทวี ผกก.2 บก.ทท.3 พ.ต.ท.นิติพงศ์ มหศักดิ์สุนทร รอง ผกก.2 บก.ทท.3 และ พ.ต.ท.เอกชัย ศิริ สวญ.ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.3 และฝ่ายปกครอง ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่โดยออกตรวจสอบจับกุม กลุ่มบุคคลซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวประเภทสอง ในพื้นที่ซอยบางลาตำบลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำความผิด ทั้งนี้ สามารถจับกุมได้จำนวนทั้งสิ้น 37 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

>> กกล.สุรสีห์ สกัด จับรถขนแรงงานเถื่อน พบต่างด้าวซุกท้ายกระบะอื้อ สอบถามให้การเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติ

13.20 น. กองกำลังสุรสีห์ นำกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ร่วมกับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134, สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี และฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณถนน 207 ซอยสังขละบุรี ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ขณะที่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจ สังเกตพบรถกระบะต้องสงสัย หมายเลขทะเบียน ผข 6858 ราชบุรี ลักษณะคล้ายกำลังบรรทุกคนจำนวนมากขึ้นท้ายกระบะ จึงแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบ พบนายซะเหว่เพียว ไม่มีชื่อสกุล สัญชาติเมียนมา พร้อมต่างด้าว จำนวน 22 คน

จากการตรวจสอบเอกสารสำคัญประจำตัวหรือใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร แต่ทั้งหมดไม่สามารถนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้กระทำความผิดพร้อมของกลาง ส่ง สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามผ่านล่ามแปลภาษา ให้การว่า กลุ่มพวกตนลักลอบเดินทางจากจังหวัดมะละแหม่ง ประเทศเมียนมา เข้ามายังประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติบ้านพระเจดีย์สามองค์ เพื่อขึ้นรถไปยังจุดนัดหมาย ซึ่งในขณะที่กลุ่มแรงงานต่างด้าวกำลังจะขึ้นรถยนต์เพื่อนั่งรถต่อไปยังพื้นที่ตอนในนั้น ถูกเจ้าหน้าที่ที่กำลังลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจจับกุมเสียก่อน

โดยกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายให้การว่า พวกตนมีจุดประสงค์ที่จะหลบหนีเข้าไปทำงานที่ จ.สมุทรปราการ จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเสียค่าจ้างให้กับนายหน้าจำนวนคนละ 10,000 – 20,000 บาท เมื่อถึงปลายทาง

>> วิสามัญหนุ่มคดียาเสพติดชักปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ถูกยิงสวนดับ

14.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ นำหมายค้นและหมายจับ นายพัน (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ชาว ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ตามยุทธการ “ธรณีนี้มีขื่อมีแป” ปราบอิทธิพลเถื่อน ล้างบางมาเฟีย ขจัดกลุ่มแก๊งมือปืนและยาเสพติด

ซึ่ง นายพัน (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี มีหมายจับในข้อหา “สมคบร่วมกันจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติด ให้โทษประเภท1 (ยาบ้า)” เจ้าหน้าที่จึงเตรียมกำลังพร้อมปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากที่ผ่านมามักจะพบว่านักค้ายาไม่ว่าจะรายเล็กรายใหญ่จะพกอาวุธปืนติดตัวทุกราย

กระทั่งตำรวจพบผู้ต้องสงสัยขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน จ.บุรีรัมย์ ออกมาจากบ้าน แต่เกิดไหวตัวขับรถหนีเจ้าหน้าที่ไป เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ตามจนไปทันที่บริเวณริมคลองก่อนถึงวัดกระดึงทอง อ.บ้านด่าน ระหว่างนั้น นายพัน (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเกิดการปะทะกันนานประมาณ 10 นาที พอเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่จึงเข้าเคลียร์พื้นที่พบว่า นายพัน (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ถูกยิงเข้าที่ขมับเสียชีวิตภายในรถ

>> บรรยากาศ พิธีรดน้ำศพ "คุณแม่สีดา พัวพิมล" นักแสดงรุ่นใหญ่ในวัย 70ปี ณ ศาลา ๗ วัดลาดพร้าว เป็นไปด้วยความโศกเศร้า

16.00 น. ญาติสนิท และ เหล่าดารานักแสดงที่ทราบข่าว ได้เดินทางเข้ามาร่วมพิธีรดน้ำศพ "คุณแม่สีดา พัวพิมล" อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ และ เป็นมารดาของอดีตพระเอกชื่อดังผู้ล่วงลับ “อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล” ซึ่งมีการพบร่างเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักย่านลาดพร้าว

โดยได้รับการเปิดเผย จาก "ต่าย สายธาร" ดารานักแสดง ที่แจ้งข่าวโพสต์ลงโซเชียล เป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าของวงการบันเทิง และ ได้โพสต์ว่า “ขอโทษนะอ๊อฟ ต่ายดูแลแม่ได้เท่านี้จริงๆ ฝากอ๊อฟดูแลแม่ต่อนะ” ซึ่ง ต่าย สายธาร นั้น ก็เป็นอดีตแฟนของ อ๊อฟ อภิชาติ และ นับถือแม่สีดาเหมือนแม่ของตัวเอง

สำหรับ ข่าวดังกล่าวนี้ ได้สร้างความตกใจแก่คนในวงการบันเทิง รวมถึงผู้คนที่ทราบข่าว ซึ่งได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นสอบถามด้วยความตกใจ และ ต่างร่วมแสดงความเสียใจที่ได้ทราบข่าวเศร้านี้ ส่วนสาเหตุตอนนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เนื่องจาก แม่สีดาฯ นั้น อยู่ในห้องเพียงลำพัง และ กำลังไล่ตรวจสอบดูผ่านกล้องวงจรปิด

>> ผู้รับหัวใจดวงที่ 110 พาหัวใจกลับบ้าน มากราบพ่อ "ซาบซึ้งที่ให้โอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไป"

16.22 น. หนุ่มตามหา "เจ้าของ" หัวใจดวงที่ 110 จนพบกับครอบครัวของผู้บริจาคหัวใจ "ซาบซึ้งที่ให้โอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไป"

โลกออนไลน์ได้แชร์ เรื่องราวจากผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ได้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ โดยได้รับหัวใจบริจาคมา ซึ่งเจ้าตัว ได้ติดตามสืบหาจนทราบว่า หัวใจดวงใหม่ที่เต้นอยู่ในร่างกายของตัวเองตอนนี้ เป็นของน้องผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า "น้องอู๋"

โดยคลิปที่เป็นไวรัลคือคลิปที่เจ้าตัวเดินทางไปที่บ้านของน้องอู๋ นำพานไปกราบคุณพ่อของน้องอู๋ ผู้ที่ช่วยส่งต่อชีวิตให้กับผู้โพสต์ ได้ใช้ชีวิตต่อไป มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นคลิปนี้เป็นจำนวนมาก หลายคนสงสัยว่า ปกติการบริจาคอวัยวะน่าจะเป็นความลับ ว่าเจ้าของเดิมเป็นใคร บริจาคให้ใคร บางคน บอกว่าสามารถ ทำได้ถ้าทั้ง2 ฝ่าย ตจกลงกันได้ ขณะที่เจ้าของโพสต์ยืนยันว่า ตนสืบทราบจนรู้ด้วยตัวเอง เพื่ออยากจะมาขอบคุณครอบครัวของคนที่มอบชีวิตที่สองให้กับเขา

>> พบร่างหนุ่มเยอรมัน ที่เคยตระเวนทำร้ายหมอฟันในพื้นที่โคราช เสียชีวิตในบ้านพัก

18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูง และหน่วยกู้ภัยฮุก 31 ได้รับแจ้งมีผู้พบศพ ชายเยอรมัน อายุ 41 ปี นอนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา จึงเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบสภาพศพนอนหงายอยู่บนเตียง สวมเสื้อกล้ามสีเทา กางเกงขาสั้น ที่ลำคอมีแผลขนาดใหญ่ยาวประมาณ 2 นิ้ว คล้ายถูกของมีคมเชือด มีร่องรอยรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย โดยมีสุนัขร็อตไวเลอร์ 2 ตัวของผู้ตาย เฝ้าอยู่ไม่ห่าง

จากการสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่า วันนี้ภรรยาของ มร.มัทเธียส ที่ไปทำงาน จ.ปราจีนบุรี ไม่สามารถติดต่อกับสามีได้ จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เพื่อนสามีเดินทางไปดูที่บ้านให้ เมื่อเพื่อนมาถึงที่บ้าน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านมาช่วยกันหา จนพบร่าง มร.มัทเธียส นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน เบื้องต้นตำรวจ สภ.โนนสูง ได้ตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ 2 ประเด็นคือ อัตวินิบาตกรรมตัวเอง หรือ ถูกฆาตกรรม พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ

>> จับรถบรรทุกสายกินจุ "น้ำหนักเกิน งานนี้มีจุก"

19.30 น. กองบังคับการตำรวจทางหลวง และทางหลวงอุดรธานี ​ร่วมจับกุม ผู้ต้องหา 2 ราย ฐาน “ใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดมาใช้บนทางหลวง (พรบ.ทางหลวง ) พร้อมของกลางที่ตรวจยึด รถถบรรทุก เพลา 6 ล้อ ,ลูกพ่วงบรรทุก พร้อมด้วยเอกสารประกอบการจับกุม โดยจับกุม ทางหลวงหมายเลข 2231 กม.4 อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี

ภายหลังตำรวจมีการเน้นปราบปราม รถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด มาถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวบรรทุก มันสำปะหลัง ในลักษณะบรรทุกจำนวนมาก ซึ่งได้ทำการตรวจสอบน้ำหนัก(ใบชั่ง) ผลปรากฏว่า มีน้ำหนักรวม 61,625 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ว่ารถบรรทุกชนิดพ่วง จำนวน 6 เพลา 22 ล้อ ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 50,500กิโลกรัม แต่รถคันที่ผู้ต้องหาขับขี่ มีน้ำหนักเกินมาจำนวน 11,125

อีกคดี พบรถบรรทุก ขับขี่มาจาก อ.กุมภวาปี มุ่งหน้าไปทางหลวงมิตรภาพ จ.ขอนแก่น มีลักษณะต้องสงสัยมีการบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงได้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบ ผลปรากฏพบว่า เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ว่ารถบรรทุกพ่วงจำนวน 6 เพลา 12 ล้อ ยาง 22 เส้น ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 50,500 กิโลกรัม แต่รถคันที่ผู้ต้องหาขับขี่มีน้ำหนักเกินมาจำนวน 39,850 กิโลกรัม

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดรถบรรทุก ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวยอดนิยม