วันที่ 6 มีนาคม. 2568 เวลา 15:58 น.
6 มี.ค. 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ป., บก.ปอท.และ บก.ปอศ. ปฏิบัติการ “CIB Game on” รื้อระบบสยบจีนดำ ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา6 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหา 4 ราย อยู่ระหว่างจำคุกในคดีอื่น พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 190 รายการ
1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 14 เล่ม
2. เงินสด จำนวน 8,500 หยวน
3. บัตร ATM จำนวน 5 ใบ
4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 14 เครื่อง
5. แท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง
6. คอมพิวเตอร์ จำนวน 9 เครื่อง
7. บัตรขาว จำนวน 2 ใบ
8. หนังสือเดินทาง/บัตรประชาชน/เอกสารที่เกี่ยวข้อง 14 รายการ
9. รถยนต์ จำนวน 2 คัน
10. วัตถุคล้ายทองคำ 5 รายการ และ เอกสารอื่นๆ จำนวน 125 รายการ
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 ได้มีผู้เสียหายซึ่งเป็นชายชาวจีน เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.3 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม ในกรณีที่ผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดทรัพย์ เรียกเงินเป็นจำนวน 5 ล้าน เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
ซึ่งมูลเหตุในคดีนี้ สืบเนื่องมาจากในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 ผู้เสียหายได้เข้าไปยัง กลุ่มเฟซบุ๊กของคนจีน โดยพบเฟซบุ๊กประกาศแจ้งว่าสามารถจัดทำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเอกสารอื่นๆ ของไทยให้กับคนจีนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยคิดค่าดำเนินการประมาณ 1 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายหลงเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำบัตรและเอกสารประจำตัวที่ถูกต้องตามกฎหมายจริง ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อเข้าไปพูดคุย และตกลงทำบัตรประชาชน
จากนั้นจึงมีการนัดหมายให้ผู้เสียหายเดินทางไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน ต่อมาเมื่อถึงวันนัดหมาย ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลดังกล่าว และได้พบผู้ต้องหา ที่ได้พาผู้เสียหายไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลดังกล่าว โดยมีขั้นตอนการถ่ายรูป และสแกนรอยนิ้วมือเหมือนกับการทำบัตรประชาชนทั่วไป แต่จะไม่มีการให้กรอกข้อมูลเอกสารใดๆ
ซึ่งภายหลังจากที่ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ผู้ต้องหาจึงได้นำบัตรประชาชนที่ปรากฎรูปหน้าผู้เสียหายมามอบให้กับผู้เสียหายพร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้านอีก 1 ฉบับ (ซึ่งข้อมูลตามบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวปรากฎชื่อคนไทยคนเดียวกัน) หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงชำระค่าดำเนินการ โดยมอบเงินสด จำนวน 1.1 ล้านบาท ให้กับคนร้าย
ต่อมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 ผู้เสียหายได้ตกลงให้คนร้ายช่วยทำหนังสือเดินทางให้กับผู้เสียหาย โดยคนร้ายได้นัดหมายให้ผู้เสียหายมาทำหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายเดินทางมาถึงที่นัดหมาย ได้มีกลุ่มชายไม่ทราบชื่อพาผู้เสียหายไปนั่งรอที่ร้านกาแฟภายในกรมการกงสุล จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 3 นาย เข้ามาควบคุมตัวผู้เสียหาย และนำตัวผู้เสียหายไปที่ทำการแห่งหนึ่ง โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนี้ได้แจ้งกับผู้เสียหายให้ทราบว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเนื่องจากปลอมเอกสาร ซึ่งหากผู้เสียหายไม่อยากถูกดำเนินคดี ให้ผู้เสียหายนำเงินมาจ่ายจำนวน 5 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายจึงได้ต่อรองราคาจนเหลือ 2 ล้านบาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัล เปรียบเทียบเป็นเงินไทย 2 ล้านบาท) เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลตามหมายเลขที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไว้ ก่อนจะปล่อยตัวผู้เสียหายไป และหลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายกลุ่มดังกล่าว
จากการสืบสวนของคณะทำงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. พบว่าในส่วนของการหลอกลวงผู้เสียหายให้ไปทำบัตรประชาชนนั้น มีกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุหลายกลุ่ม ซึ่งข้อมูลประวัติคนร้ายที่จับได้ในครั้งนี้ มีหมายแดงติดตัว ในความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ชาวจีน มูลค่าความเสียหาย 3,000 ล้านหยวน (คิดเป็นเงินไทยมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท) และหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2564
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 4 ราย ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาตามกฎหมาย จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา