วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 16:05 น.
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตจะเร่งสรุปแผนการจัดเก็บภาษีสินค้าตัวใหม่ และ ปรับปรุงโครงสร้างภาษีสินค้าที่อยู่ในพิกัด ส่วนแรกการจัดเก็บภาษีสินค้าตัวใหม่ คือการเก็บภาษีจากสินค้าที่มีส่วนประกอบของโซเดียม หรือภาษีความเค็ม ในหลักการกรมจะจัดเก็บจากปริมาณการใช้โซเดียมเป็นหลัก เพื่อเป็นการช่วยปรับพฤติกรรมให้ลดการบริโภคโซเดียมลดลง
"โดยเฟสแรกจะเน้นไปที่สินค้าประเภทขนมขบเคี้ยว ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยมีความจำเป็นในการบริโภคเมื่อเทียบกับสินค้าอื่น ส่วนสินค้าที่เป็นประเภทเครื่องปรุง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังไม่อยู่ในแผนการจัดเก็บ ทั้งนี้ กรมฯได้หารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้มีการปรับตัวรองรับการจัดเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ดี สำหรับการจัดเก็บจริงนั้น ทางกรมฯก็จะให้เวลาภาคเอกชนในการปรับตัวเช่นเดียวกันกับการจัดเก็บภาษีความหวาน คือการรับอันตราแบบขั้นบันได เพื่อเวลาผู้ประกอบการได้ปรับตัว"
"เรื่องการเก็บภาษีความเค็มนั้น เกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน จะได้ข้อสรุปในปีนี้ ซึ่งเราต้องคุยกับทุกภาคส่วน เช่นเดียวกับภาษีความหวาน เราก็ใช้เวลาศึกษาถึง 5 ปีก่อนเริ่มเก็บ ขณะนี้ เราเก็บมา 7-8 ปีแล้ว"
สำหรับสินค้าที่อยู่ในแผนการปรับปรุงโครงสร้างภาษี คือ แบตเตอรี่ ซึ่งเป็นสินค้าที่จะช่วยลดปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อม โดยหลักในการปรับปรุง คือ แบตเตอรี่ที่อยู่ในขั้นปฐมภูมิ หรือ ใช้แล้วทิ้ง จะมีอัตราภาษีที่สูงกว่า ส่วนแบตเตอรี่ที่อยู่ในขั้นทุติยภูมิ หรือ สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือชาร์จได้ น้ำหนักน้อย แต่มีประสิทธิภาพสูง จะมีอัตราภาษีที่ต่ำกว่า ซึ่งโครงสร้างใหม่นี้ อยู่ระหว่างการสรุปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)
น.ส.กุลยา กล่าวว่า กล่าวถึงแนวนโยบายภาครัฐที่จะยกเลิกการกำหนดระยะเวลาห้ามการจำหน่ายสุรา ช่วง 14.00-17.00 น. นั้น คาดว่า จะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว และจะทำให้เกิดการบริโภคสินค้าที่อยู่ในพิกัดภาษีสรรพสามิตมากขึ้น ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2568 นี้ กรมฯได้รับเป้าหมายการจัดเก็บที่ 6.09 แสนล้านบาท ถือว่า เป็นเป้าหมายที่สูง แต่กรมฯจะพยายามจัดเก็บให้ได้ตามเป้าหมาย