วันที่ 16 ธันวาคม 2567 เวลา 15:33 น.
เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 15 ธ.ค. ฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง ร่วมกันจับกุม นายบอ(นามสมมุติ) อายุ 29 ปี พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นจีออราโน่ สีขาว-ดำ ทะเบียน กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้ที่บริเวณถนนท้ายวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2567 เวลาประมาณ 14:30 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง รับแจ้งจากผู้เสียหาย คือ น.ส.แอนนา อายุ 25 ปี สัญชาติรัสเซีย ว่าถูกลักทรัพย์ เป็น เงินสด 15,000 บาท ขณะที่ผู้เสียหายกำลังยืนรอรถจักรยานยนต์รับจ้างที่เรียกผ่านแอพลิเคชั่น ขับรถรับจ้างชื่อดัง (โบลท์) เพื่อไปวัดสระเกศฯ ปรากฏว่าผู้ต้องหาซึ่งเป็นชายไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นจีออราโน่ สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดด้านหน้าของผู้เสียหาย เมื่อสอบถามว่าเป็นรถจักรยานยนต์ ที่ผู้แจ้งเรียกมาหรือไม่ ผู้ต้องหาก็บอกว่าใช่
จากนั้นได้บอกให้ผู้แจ้งส่งกระเป๋าสะพายให้ เพื่อที่ผู้ต้องหาจะนำไปแขวนไว้ด้านหน้ารถเพื่อป้องกันการถูกวิ่งราว จากนั้นผู้ต้องหาได้พาชาวต่างชาติรายนี้ ขี่รถวนบริเวณรอบพระบรมมหาราชวังแล้วนำผู้เสียมาส่งไว้บริเวณถนนท้ายวัง ข้างวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จากนั้นผู้ต้องหาได้บอกกับผู้แจ้งว่า ตนเองไม่ใช่พนักงานขับรถที่ผู้แจ้ง เรียกผ่านแอพลิเคชั่นแต่อย่างใด จากนั้นได้ขอให้ผู้แจ้งเปิดแอพลิเคชั่นดังกล่าวให้ดู พร้อมทั้งได้ทำทีโทรศัพท์ไปพูดคุยกับพนักงานขับรถของแอพลิเคชั่นที่ผู้แจ้งว่าจ้างและบอกกับผู้แจ้งว่าพนักงานขับรถคนดังกล่าวกำลังจะมาถึงแต่เมื่อผู้แจ้งเปิดดูประวัติการโทร ก็พบว่าไม่มีการโทรศัพท์ไปพูดคุยแต่อย่างใด เนื่องจากมีการยกเลิกการโทร
เมื่อผู้เสียหายตรวจตอบกระเป๋าสะพายที่ได้รับคืนจากผู้ต้องหาก็พบว่าเงินสดจำนวน 15,000 บาท ที่ใส่ไว้ภายในได้สูญหายไป จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับชายไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริงดังกล่าว ในความผิดฐานลักทรัพย์เพื่อให้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด แต่เนื่องจากผู้เสียหายอยู่ในประเทศไทยในระหว่างวันที่ 7 ถึง 18 ธ.ค. 2567 จากนั้นจะต้องเดินทางกลับประเทศรัสเซีย จึงขอมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง เป็นผู้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีนี้ เพื่อให้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ต่อมาชุดสืบสวนสน.พระราชวัง สืบทราบว่าผู้ก่อเหตุ และพบนายบอ ขับรถจักรยานยนต์ โดยใช้ตุ๊กตา ปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสน.พระราชวัง ได้ออกใบสั่งในข้อหาปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน ก่อนตรวจสอบพบว่าลักษณะคล้ายกับผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลักทรัพย์ ชุดสืบสวน สน.พระราชวัง จึงได้เข้าควบคุมตัวสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ชาวต่างชาติจริงระหว่างที่ได้ขับรถจักรยานยนต์อยู่บริเวณท่าเตียน ได้มีผู้โดยสารชาวต่างชาติได้เรียกใช้แอพลิเคชั่นโบลท์ ที่ตนใช้เป็นคนขับ แต่ใช้บัญชีชื่อผู้รับงานของรุ่นน้องที่รู้จักกัน ชื่อสุรัตน์ เมื่อผู้โดยสารชาวต่างชาติที่เรียกใช้ ได้จอดรถบริเวณปากซอยท่าเตียน และได้นำหน้ากากอนามัยมาปิดที่ป้ายทะเบียนรถที่ได้ขับขี่ จากนั้นจึงขับรถวนไปรับผู้โดยสารชาวต่างชาติคนดังกล่าว เมื่อไปถึงชาวต่างชาติได้เปิดกระเป๋าเพื่อที่จะชำระค่าโดยสาร
แต่ผู้ต้องหา เห็นว่าเงินในกระเป๋ามีเงินสดเป็นจำนวนมาก จึงได้บอกให้นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเอากระเป๋ามาไว้หน้ารถ และให้ผู้โดยสารนั่งซ้อนท้าย และอาศัยจังหวะที่ขับรถจักรยานยนต์ ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของผู้โดยสารชาวต่างชาติ และหยิบเงินจำนวน 14,000 บาท ใส่ในกระเป๋าเสื้อของตนเอง และได้บอกกับผู้โดยสารชาวต่างชาติว่า เรียกใช้บริการผิดคัน และพาผู้โดยสารชาวต่างชาติ มาส่งบริเวณท่าเตียน ก่อนขับหนีไป
ก่อนขับรถไปหาเจ้าของรถคันที่ตนเองขับอยู่ ที่บ้านพักไม่มีเลขที่ ภายในซอยสโมสรทหารบก ถนน อู่ทองนอก กรุงเทพมหานคร และได้เปลี่ยนรถจักรยานยนต์ โดยได้ใช้ตุ๊กตาปิดแผ่นป้ายทะเบียน เพื่อไม่ให้วินมอเตอไซค์รับจ้างเห็นป้ายทะเบียน และได้ไปเล่นสนุ๊กเกอร์ภายในซอยสวนอ้อย และได้เสียเงินเดิมพัน เป็นจำนวนประมาณ 14,000 บาทไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสน.พระราชวัง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบผลคดีอาญาพบว่า นายบอ มีประวัติเคยกระทำความผิดคดีอาญา 2 ครั้ง เหตุลักทรัพย์ ปี 2557 สภ.สามง่าม จ.พิจิตร และเหตุฝ่าฝืนประกาศกำหนดอาหารที่ห้ามผลิตห้ามนำเข้าหรือห้ามจำหน่าย ปี 2566 สน.ชนะสงคราม