หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 เวลา 05:38 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567


>> หนุ่มขับรถกระบะ ชนท้ายรถบรรทุกแล้วตกร่องกลาง บนทางพิเศษมอเตอร์เวย์ M6 เสียชีวิตร่างติดค้างในซากรถ

06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขามทะเลสอ รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถกระบะชนกับรถบรรทุก และมีผู้เสียชีวิต บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 (M6) สายบางปะอิน-นครราชสีมา ช่วงหลัก กม.ที่ 181 ม.5 ต.โป่งแดง อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา

ที่เกิดเหตุ เป็นช่วงถนนพื้นราบ ภายในร่องน้ำกลางถนน พบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ รีโว่ ทะเบียน พระนครศรีอยุธยา สภาพด้านหน้ารถพังเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตเป็นคนขับติดอยู่ภายในยานพาหนะ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย ได้นำชุดอุปกรณ์ตัดถ่างเพื่องัดรถและช่วยกันนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมา ตรวจสอบเอกสาร ทราบชื่อ นายณัฐวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ใกล้กันพบรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน นครปฐม สภาพถูกชนด้านท้ายเสียหาย คนขับรถบรรทุกยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่

ทางเจ้าหน้าที่ จึงคุมตัวคนขับรถบรรทุกไปสอบสน และรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป


>> รถกระบะ ชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต เป็นพ่อกับลูกสาว

07.50 น. รับแจ้งจาก สภ.ค่ายบางระจัน มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 3454 ช่วงแยกวัดม่วง ในพื้นที่ อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ป้ายทะเบียน สิงห์บุรี ลักษณะชนกับรถกระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ป้ายทะเบียน สิงห์บุรี พบว่ามีผู้บาดเจ็บรวม 3 ราย โดยเป็นหญิง 1 ราย เป็นผู้โดยสารรถกระบะ อาสาสมัครให้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.สิงห์บุรี ส่วนในจุดเกิดเหตุ อีก 2 รายมีอาการสาหัส ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่ ตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นพ่อกับลูกสาว ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน


>> "อัจฉริยะ"ให้ปากคำฐานะพยานแวดล้อม คดีทนายตั้ม เผยเคยมีพฤติกรรมสร้างพยานเท็จเมื่อ 6 ปีก่อน

10.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานมูลนิธิชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติการณ์ของทนายตั้ม ในฐานะพยานแวดล้อม โดยระบุว่า ตัวของทนายตั้มเอง เคยมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ ปลอมเอกสารราชการ และมีการยืมมืออัยการ และศาลในการฟ้องร้องตนเอง จนศาลมีการพิสูจน์ยืนยันแล้วว่าเอกสารมีการปลอมขึ้นมาจริงๆ และยกฟ้อง โดยทนายตั้มมีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่ปี 2561 เรื่อยมา ซึ่งส่วนมากเกิดขึ้นที่ภูธรภาค 7 และมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จและฟ้องร้องตนอีกหลายคดีแต่ศาลยกฟ้องเช่นกัน

ประเด็นพวกนี้เป็นสาระสำคัญในการประกอบสำนวนของเจ๊อ้อยให้หนาแน่นมากขึ้น และวันนี้จะนำพยานหลักฐานที่เชื่อว่าเป็นคนที่เกี่ยวข้องในการโยกย้ายทรัพย์สินของทนายตั้ม และรู้ว่าทรัพย์สินของทนายตั้มกว่า 300 ล้านบาท อยู่ที่ใครบ้าง มีประมาณ 4 คน ล้วนเป็นคนสนิทของทนายตั้มทั้งสิ้น คือ น้องสาวเป็นคนดูแลการเงินให้ทนายตั้มตลอดเวลา ส่วนน้องชายอีกคนพัวพันกับเว็บพนัน และเชื่อว่าเงินส่วนหนึ่งของทนายตั้ม ก็เอาไปลงทุนกับเว็บพนันนี้เช่นกัน และอีก 2 คน มีหน้าที่เอาเงินไปซ่อน ซึ่งไม่ระบุว่าเป็นใคร นอกจากนี้ยังมีทหารอากาศอีก 2 นาย ยศนายพัน เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย 
เมื่อถามว่าอัจฉริยะจะเข้าไปเยี่ยมทนายตั้มหรือไม่ นายอัจฉริยะบอกว่า ไม่เข้าไปหรอก เพราะทนายตั้มอยู่ดีกินดี


>> ไฟไหม้บ้านพัก ของเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ประชาชนช่วยกันดับทันก่อนเพลิงจะลุกลาม

10.29 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ แฟลตพักอาศัยเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ถนนเอกชัย แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารคอนกรีต 4 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 2 ภายในห้องพักเจ้าหน้าที่ เพลิงลุกไหม้เสียหาย ตู้เก็บหนังสือ โต๊ะทำงาน และเครื่องคอมพิวเตอร์ พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 1 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควันในที่เกิดเหตุ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟต่อพ่วง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนเทียน


>> เตรียมออกหมายเรียก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" คดีอ้างชื่อ "หนุ่ม กรรชัย"

11.45 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธุ์ ผบก.ปปป. เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญภายหลังการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงคืบหน้าการประชุมคดี ว่า ผลการประชุมในการตามคดีต่าง ๆ เบื้องต้นมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าน่าจะมีความชัดเจนในหลายเรื่องที่ทำ กรณี ฟิล์ม รัฐภูมิ และ น.ส.กฤษอนงค์ หรือ เจ๊พัช ที่มีการเรียกรับเงินจากบอสดิไอคอน 20 ล้านบาท โดยแอบอ้างชื่อ หนุ่ม กรรชัย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ประชุมถึงเรื่องนี้ และมีความเห็นว่าจะรวมเป็นคดีเดียวทั้งหมด ทั้งคดีที่ หนุ่ม กรรชัย มาร้องทุกข์ในข้อหาหมิ่นประมาท และบอสดิไคอนมาร้องทุกข์ในข้อหาพยายามฉ้อโกง และพยายามกรรโชกทรัพย์ แต่จะเข้าข้อหาใดบ้าง ขอให้ทางพนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ น.ส.ปัญจรัศม์ หรือ บอสปัน ก่อน และค่อยพิจารณากันอีกครั้งว่าจะเข้าข้อหาใด


>> นายกฯ ต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ชื่นชมนำ Soft power ผ้าไทยสู่สายตาชาวโลก

11.45 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้อนรับ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี รองอันดับ 3 Miss Universe 2024 ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พร้อมแสดงความยินดีและชื่นชมความสำเร็จของ “น้องโอปอล” ที่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ

โดย นายกฯ กล่าวชื่นชมในการนำเสนอผ้าไทยและวัฒนธรรมไทยให้คนทั่วโลกได้เห็นถึงความสวยงาม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมและขับเคลื่อน Soft power ของไทยที่มีศักยภาพไปสู่สายตานานาชาติ ขอให้ร่วมกันกับรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ เป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อสังคม


>> จเรตำรวจเผย ความคืบหน้าคดีพ่อค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี"

14.10 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปนม.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุม นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” พ่อค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของประเทศ ที่ยังคงพยายามติดตามจับกุมตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประสานและพูดคุยกับทางการกัมพูชา เพื่อให้ช่วยกดดัน แต่เนื่องจากติดขัดข้อกฎหมายระหว่างประเทศหลายฉบับจึงยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ ต้องให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ แต่ก่อนหน้านี้ทราบว่า เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยยืนยันว่า ไม่ลดละในการนำตัวมาดำเนินคดี

ส่วนเรือบรรทุกน้ำมันขนาดแสนลิตรที่ลอยกลางทะเลภาคใต้เพื่อถ่ายเทน้ำมันให้กับกลุ่มที่ลักลอบขนถ่ายน้ำมัน เจ้าหน้าที่มีข้อมูลแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะยังมีเรืออีกหลายลำ ที่มีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันอยู่ในข่ายกระผิดเกรงจะเสียรูปคดีในการสืบสวนขยายผล สำหรับผลการตรวจสอบในฐานะจเรตำรวจ ที่สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งผ่านไป 2-3 เดือน ก็มีความคืบหน้า แต่ยังไม่รายงานผลมาที่ตนเอง และไม่ทราบว่าก่อนที่ตนเองจะย้ายไปดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. หรือไม่ แต่ทางต้นสังกัดได้มีการสั่งให้นายตำรวจที่เกี่ยวข้องไปช่วยราชการขณะนี้ก็ยังช่วยราชการอยู่ที่ บช.ก.


>> ออกหมายจับ ‘เจ๊หนิง-สามี และหลาน’ ร่วมกันแจ้งความเท็จ ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ

16.43 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้า จากกรณีก่อนหน้านี้ นางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางสาว ธณัฎฐา หรือ เจ๊หนิง พร้อมสามีและหลาน ในข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นวันที่ 5 พ.ย. ทางพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้ทำการขออนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาทั้ง3 โดยศาลพิจารณาให้ออกหมายเรียก เนื่องจากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งจึงให้พนักงานสอบสวนพิจารณาออกหมายเรียกให้มาพบ หากไม่เข้าพบให้พิจารณาคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย

ล่าสุด ศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหารวม 3 หมาย ในข้อหา ร่วมกันแจ้งความเท็จว่ามีการกระทำความผิดอาญา (โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี) ร่วมกันแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ได้รับโทษหนักขึ้น (จำคุกไม่เกิน 5 ปี) อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า น.ส.ธนัฎฐา หรือเจ๊หนิง ได้ประสานติดต่อเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว โดยจะมาพบในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.)


>> ผบ.ตร. สั่งทุกหน่วยตรวจสอบ สืบสวนจับกุม คลิปแก๊งต่างด้าวท้าทายกฎหมาย

17.07 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีปรากฏคลิปในสื่อโซเชียล พบพฤติกรรมของกลุ่มคนต่างด้าวที่มีลักษณะตั้งเป็นกลุ่มแก๊งท้าท้ายกฎหมายบ้านเมือง ว่า ได้รับทราบการรายงานคลิปที่ปรากฏแล้ว ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานสืบสวน ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึกทุกมิติ ว่าตามคลิปที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ในประเทศหรือไม่ ให้ทุกหน่วยตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่ใด โดยเดินหน้าตรวจสอบ สืบสวนจับกุมทันที ต้องนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมายให้ได้

โดย ผบ.ตร ได้สั่งการลงไปทุกพื้นที่ ห้ามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นที่ปรากฏในคลิปอย่างเด็ดขาด หากปล่อยปละละเลย จะพิจารณาทางวินัยและปกครองกับผู้บังคับการในพื้นที่ทันที จะไม่ยอมให้คนต่างด้าวเข้ามามีพฤติการณ์เช่นนี้ในประเทศไทยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้กำชับไปยังตำรวจพื้นที่และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ดำเนินการจัดระเบียบคนต่างด้าวให้อยู่ในกรอบกฎหมายคนเข้าเมือง ห้ามไม่ให้มีกลุ่มแก๊ง มีพฤติกรรมท้าทายกฎหมาย

ทั้งนี้ หากพบว่าหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองใดหย่อนยาน เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือมีการเรียกรับประโยชน์ จะถูกดำเนินการทางอาญา วินัย และปกครองอย่างเด็ดขาด ถือเป็นนโยบายของตนที่ยอมไม่ได้ที่จะให้มีแก๊งต่างด้าวมีพฤติกรรมผิดกฎหมายในประเทศไทย


>> เอก สายไหมต้องรอด ได้ประกันตัว ในข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ

19.00 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ก็ได้รับการประกันตัว หลังถูกออกหมายจับในความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และได้เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อรับทราบข้อหาเมื่อเวลา 15.00 น. โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง

นายเอกภพ เปิดเผย หลังได้รับการประกันตัวว่า คดีนี้เป็นคดีที่กลุ่มบอส ดิไอคอนกรุ๊ป มอบหมายทนายความให้มาแจ้งความตนเองในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งตนเองก็ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และตนเองก็ได้นำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปทั้งหมดแล้ว ทั้งบันทึกการสนทนานานกว่า 1 ชั่วโมง แชทข้อความต่างๆ ให้การตามข้อเท็จจริงทั้งหมด ทางตำรวจก็บอกว่าเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลอีกด้านเช่นกัน พร้อมมองว่าหมายจับที่ออกเป็นเพียงกระบวนการของตำรวจ พร้อมขอบคุณตำรวจที่ให้ประกันตัว โดยใช้หลักฐานเป็นเงินสด 50,000 บาท

ส่วนพยานที่ตนเองเคยพามา ก็ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว เพื่อเป็นตัวอย่างให้ใครก็ตามที่จะส่งข้อมูลมาให้ตนเอง แต่ให้ข้อมูลเท็จ หรือไปให้ข้อมูลกับผู้อื่นอีกแบบหนึ่ง คนแบบนี้ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ซึ่งมีอีกหลายคนที่เตรียมดำเนินคดี โดยเฉพาะใครก็ตามที่พูดหรือทำให้ตนเองเสียหาย รวมถึง ทนายบอสพอล ตนเองจะส่งของขวัญไปให้ก่อนปีใหม่แน่นอน

นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่า ตนเองและทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พยายามคัดกรองตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว และเมื่อเห็นว่าอาจเป็นประโยชน์กับตำรวจ จึงได้นำมาให้การกับตำรวจ และยังยืนยันว่าไม่เคยรับเงินไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น ส่วนที่ทนายตั้มอ้างอิงคำพูดของตนเองไปร้องต่อหน่วยงานต่างๆ ตนเองไม่รู้เรื่องและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด


>> ไฟไหม้บ้านเรือนเสียหายวอดทั้งหลัง ผู้บาดเจ็บ 2 รายมีอาการสาหัส กู้ภัยเร่งนำส่ง รพ.

21.52 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ชุมชนบ้านเกาะ ซอยราษฎร์อุทิศ 62/1 ถนนราษฎร์อุทิศ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ ชั้นเดียว ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในห้องนอน เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 15 ตารางวา รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟต่อพ่วง ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย รายที่ 1 เป็นเพศชาย อายุ 60 ปี ได้รับบาดเจ็บมีอาการถูกไฟลวกทั้งตัว อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 และรายที่ 2 เป็นเพศหญิง ไม่ทราบอายุ ได้รับบาดเจ็บมีอาการถูกไฟลวก อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางชัน ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางชัน


>> ไฟไหม้รถจักรยานยนต์ กลางแยกมไหสวรรย์ เสียหายเกือบวอดทั้งคัน

22.16 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ บริเวณแยกมไหสวรรย์ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม.

ลักษณะที่เกิดเหตุ เป็นเพลิงลุกไหม้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน อาสาสมัครใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเสียหายหมดทั้งคัน ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยตลาดพลู

 

ข่าวยอดนิยม