วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 05:51 น.
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567
>> สามีหวั่นภรรยาแอบมีชายอื่น เกิดมีปากเสียงคว้ามีดแทงดับ ก่อนใช้มีดแทงและปาดคอตัวเองเจ็บสาหัส จ.อุดรธานี
06.50 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงอุดรธานี หน่วยบริการอำเภอหนองวัวซอ รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายและมีผู้เสียชีวิต บริเวณร้านขายพันธุ์ไม้ บ้านหนองแวงยาว ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ที่บริเวณหลังบ้านพบร่างของ นางวิไลภรณ์ อายุ 40 ปี สภาพตามร่างกายมีแผลฉกรรจ์ถูกแทงหลายจุด ใกล้กันพบมีดทำครัว 1 เล่มตกอยู่ที่พื้นดินทางเจ้าหน้าที่ร้อยเวรเจ้าของคดีทำการบันทึกเก็บข้อมูลไว้เป็นหลักฐานทางคดี
และพบว่ามีผู้บาดเจ็บ 1 รายเป็นชายไทย อายุ 45 ปี ใช้มีดเล่มเดียวกันแทงตัวเองเข้าที่ท้อง 2 แผล และใช้มีดปาดคอตัวเอง อาการสาหัส เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ รพ.หนองวัวซอ ให้การช่วยเหลือนำส่ง รพ.หนองวัวซอ ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ด้าน แม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกสาวอยู่กินกับสามีเก่า มีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ ก่อนที่เลิกกัน แล้วลูกสาวก็มีสามีใหม่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 4 ขวบ ทั้งสองคนมาเปิดร้านขายต้นไม้ที่ จ.อุดรธานี ลูกสาวเคยพูดให้ฟังว่า สามีใหม่มักหาเรื่องทะเลาะทำร้ายร่างกายด้วยการบีบคอ คิดว่าเมียมีผู้ชายคนใหม่ เห็นเมียกลับบ้านที่ จ.เลย บ่อย ที่จริงแล้วเมียกลับไปหาลูกสาว เพื่อช่วยทำห้องนอน แล้วเมียก็ไปช่วยงานศพเพื่อน ทำให้ผัวคิดมากเข้าใจว่าจะไปหาผู้ชาย
ทางร้อยเวรเจ้าของคดี สภ.หนองวัวซอ ประสานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุดรธานี เข้าตรวจสอบพร้อมเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และเก็บข้อมูลจากญาติผู้ใกล้ชิด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> รถไฟชนกับรถกระบะ มีผู้บาดเจ็บหลายรายแต่โชคดีที่อาการไม่สาหัส
09.25 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สีคิ้ว รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถไฟชนกับรถกระบะ และมีผู้บาดเจ็บ บริเวณจุดตัดข้ามทางรถไฟ บ้านใหม่สำโรง หมู่ 3 ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ บริเวณหลักเสาโทรเลขรถไฟ 211/1 ช่วงระหว่างระหว่างสถานีรถไฟลาดบัวขาว-สถานีรถไฟบ้านใหม่สำโรง พบรถกระบะโตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน นครราชสีมา ลักษณะถูกขบวนรถดีเซลรางด่วนพิเศษ 21 กรุงเทพอภิวัฒน์-อุบลราชธานี พุ่งชนท้ายรถด้านซ้ายรถ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ชีพ ฮุก.31 นครราชสีมา จุด อ.สีคิ้ว นำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสีคิ้ว
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะขบวนรถไฟกำลังวิ่งผ่านทางลักผ่านที่ไม่มีเครื่องกั้น มีเพียงป้ายข้อความเตือน นายมนูญศักดิ์ขับรถกระบะ โดยมีญาติและเพื่อนบ้านนั่งโดยสารมาด้วยรวม 4 คน ขับรถตัดหน้าขบวนรถไฟที่กำลังใช้ความเร็ว ซึ่งเกือบจะพ้น ก่อนถูกรถไฟพุ่งชนท้าย ทำให้ตัวรถหมุนชนเสาหลักข้างทาง ไม่ถูกขบวนรถลากไปด้วย
ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงจะดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> หนุ่มใหญ่ลงน้ำจับปลา ถูกข่ายดักปลาพันขา จมน้ำลึก 4 เมตรเสียชีวิต
11.48 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย ได้รับแจ้งเหตุคนจมน้ำเสียชีวิต บริเวณประตูระบายน้ำชลประทาน หมู่ 5 บ้านตะปัน ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
ที่เกิดเหตุ เป็นประตูระบายน้ำลงคลองส่งน้ำ พบรองเท้าและบัตรประจำตัวของผู้เสียชีวิตวางอยู่ริมฝั่งน้ำ ทราบชื่อคือ นายมนัส อายุ 48 ปี จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยกันลงไปดำน้ำค้นหาใต้น้ำ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงพบร่างจมอยู่ใต้น้ำบริเวณหน้าประตูระบายน้ำ โดยมีข่ายดักปลาพันขาอยู่
จากการสอบถามญาติของผู้เสียชีวิตทราบว่า ผู้เสียชีวิตได้นำข่ายออกมาดักจับปลาบริเวณจุดเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ไม่กลับเข้าบ้านสักที กระทั่งญาติลองโทรติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบ เพื่อให้ช่วยออกตรวจสอบ และมาพบผู้เสียชีวิตได้จมน้ำอยู่ในคลองส่งน้ำแห่งนี้
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ในช่วงที่ผู้เสียชีวิตกำลังใช้ข่ายดักจับปลา อาจจะเกิดพลาดข่ายไปพันขาแล้วตกลงไปในน้ำไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ประกอบกับบริเวณดังกล่าวระดับน้ำลึกมากประมาณ 4 เมตร อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เชิญผู้เห็นเหตุการณ์มาให้ปากคำ ก่อนดำเนินการต่อไป
>> รถโม่ปูนเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ หนุ่มไรเดอร์เสียชีวิตกลางถนน
13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางกรวย ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถ 10 ล้อโม่ปูน เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนเลียบทางรถไฟบางบำหรุ บริเวณด้านหลังสถานีรถไฟบางบำหรุ ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
ที่เกิดเหตุ พบร่างของนายกำพล อายุ 59 ปี มีอาชีพเป็นไรเดอร์ เสียชีวิตในสภาพนอนคว่ำหน้า ข้างตัวพบหมวกกันน็อกที่มีสภาพแตกละเอียด ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟิน สีน้ำเงิน ทะเบียน 2382 กทม ล้มคว่ำอยู่กลางถนน สภาพไฟท้ายแตกเสียหาย ส่วนคู่กรณีเป็นรถ 10 ล้อโม่ปูน ฮีโน่ สีเหลือง ป้ายทะเบียน กทม. ที่ยางรถด้านหลังฝั่งขวามีร่องรอยคราบเลือดติดอยู่ และมีผู้บาดเจ็บ 1 รายซึ่งเป็นนักศึกษาสาว ทางอาสากู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลยันฮีไปก่อนหน้าแล้ว
จากการสอบสวน ทราบว่า ผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานยนต์ดังกล่าว กำลังจะไปส่งลูกค้าที่นั่งซ้อนท้าย ซึ่งเป็นนักศึกษาที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ขณะที่รถจักรยานยนต์ขับขี่อยู่ในช่องทางขวาและอยู่ด้านหน้า โดยมีรถบรรทุก 10 ล้อโม่ปูนคันดังกล่าว ขับมาจากด้านหลังก่อนที่จะเฉี่ยวชนและเข้าไปอัดเบียดกับแบริเออร์ริมทาง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมกับเก็บคลิปกล้องหน้ารถของพลเมืองดีไว้เป็นหลักฐาน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องทำการสอบปากคำคนขับรถบรรทุกเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนผู้เสียชีวิตได้มอบให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อชันสูตรต่อไป
>> ตำรวจไล่จับชายเหตุลักทรัพย์ในสวนปาล์ม หลบหนีการจับกุมกลางถนน
13.24 น. ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้ร่วมจับกุม นายวิ(นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสตูล ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม (ผลปาล์ม) โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” โดยจับกุม บ้านพักในพื้นที่ อำเภอละงู จังหวัดสตูล
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน สภ.เขาขาว ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า นายวิ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ได้ทำการลักขโมยผลปาล์มของตน โดยนายวิ ได้ทำอาชีพรับจ้างตัดยางและทำสวนปาล์มขายอยู่แล้ว จึงทราบลู่ทางในการเข้าไปขโมยดี นายวิสรุตม์ฯ ใช้รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุขโมยลูกปาล์มไปกว่า 10 ต้น ซึ่งสวนปาล์มดังกล่าว มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ และมีการขโมยเป็นประจำ ความเสียหายคิดเป็นมูลค่าครั้งละประมาณ 900-1,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ามีร่องรอยของ นายวิ อยู่จริง จึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสตูล
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า นายวิ ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่บริเวณขนำในสวนยางหมู่ที่ 2 ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล หลังจากได้รับข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว ระหว่างเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวนายวิ กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงโบกมือให้หยุดรถเพื่อเข้าตรวจสอบ แต่นายวิ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กลับเร่งเครื่องหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถติดตามไป หลังจากนั้นนายวิ ได้จอดรถทิ้งไว้ข้างทางและพยายามวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งติดตามและสามารถควบคุมตัวไว้ได้ แต่ระหว่างนั้นนายวิ ขัดขืนและมีการกอดรัดกันบนถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายวิ ได้ในที่สุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้ นายวิ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการจับกุมตัวนายวิสรุตม์ฯ และควบคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เขาขาว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> รถเก๋ง เฉี่ยวชนกับรถกระบะ กลางถนนหน้าเรือนจำฯ ระยอง สภาพรถขาดครึ่ง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
13.35.น. รับแจ้งจาก มูลนิธิกู้ภัยอำเภอปลวกแดงจังหวัดระยอง มีอุบัติเหตุรถกระบะ 2 คัน, รถนั่งส่วนบุคคล เฉี่ยวชนกัน และมีผู้บาดเจ็บหลายราย กลางถนนหมายเลข 3191 ช่วงหลัก กม.ที่ 18 บริเวณใกล้เคียงหน้าเรือนจำกลางจังหวัดระยอง ในพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล นิสสัน อัลเมรา สีเทา ป้ายทะเบียน ระยอง สภาพถูกชนพังเสียหายจนรถขาดเป็น 2 ท่อน ใกล้กันพบร่างของผู้ขับขี่ กระเด็นออกนอกรถ สภาพกะโหลกศีรษะเปิด คอหัก เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 28 ปี ส่วนคนนั่งข้าง เป็นหญิงไทย อายุ 67 ปี สภาพหมดสติ เลือดท่วมตัวอาสากู้ภัยได้ทำการ CPR ที่จุดเกิดเหตุ และรีบนำตัวส่ง รพ.ปลวกแดง ต่อมาได้รับแจ้งว่าเสียชีวิตแล้ว
และห่างออกไป พบรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีเทา ป้ายทะเบียน ระยอง สภาพได้รับความเสียหายบริเวณหน้ารถพังยับ และพบรถกระบะตู้ทึบ อีซูซุ สีขาว ลักษณะเสียหลักตกอยู่ในร่องน้ำข้างทาง ริมถนนติดกับรั้วเรือนจำกลางระยอง สภาพด้านหน้ารถมีรอยชนพังเสียหาย ตรวจสอบพบว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 1 รายอาการไม่สาหัส อาสาสมัครนำส่ง รพ.ปลวกแดง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่า รถเก๋งอาจจะเลี้ยวออกมาจากเรือนจำกลางระยอง ไม่ทันระวังรถที่มาทางตรง เป็นเหตุให้ถูกชนอย่างจัง ทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จะได้สอบสวนคนขับรถทั้ง 2 คน เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป
>> คนร้ายจอด จยย.บอมบ์ บนสะพานตันหยงดาลอ จุดชนวนขณะ ตชด. ผ่าน เจ็บ 5 นาย
14.40 น. พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี รับแจ้งเหตุ คนร้ายลอบวางระเบิด บริเวณหัวสะพานตันหยงดาลอ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมนำกำลังเข้าตรวจสอบเบื้องต้น พบเจ้าหน้าที่ ตชด.446 ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย ทราบชื่อคือ ด.ต.ปรีชา โคตรเณร พลขับ บาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะและใบหน้า, ร.ต.ท.วินัย ไชย ชนะสงคราม แน่นหน้าอกหูอื้อ, ด.ต.อานนท์ แลเเมะ แน่นหน้าอกหูอื้อ, ส.ต.ท.กิตติภูมิ มรกต แน่นหน้าอกหูอื้อ และส.ต.ท.มูฮัมมัด มูซอดี แน่นหน้าอกหูอื้อ ถูกนำส่งโรงพยาบาลยะหริ่ง
จากการสอบสวนเบื้องต้น คนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ได้นำรถจักรยายนต์ที่ประกอบระเบิดพร้อมใช้งานเป็นรถจักรยายนต์บอมบ์ จอดบนสะพาน ระหว่างเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวเดินทางมาด้วยรถยนต์ 6 ล้อ ของ ตชด.ไปขนลวดหีบเพลง จาก ฉก.ในพื้นที่ ระหว่างขณะที่กำลังมุ่งหน้ากลับเกิดเหตุระเบิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
>> กกต.เผย คุณสมบัติการเป็น สว.ของ "ทนายตั้ม" ยังอยู่ในกระบวนการ
16.24 น. นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสอบข้อเท็จจริงนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ถึงกรณีเรื่องคุณสมบัติการเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยระบุว่า ประเด็นแรก ในลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อมีคนร้องก็มีการไปสอบข้อเท็จจริงตามคำร้อง ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องใช้เวลา อาจจะใช้พยานบุคคล แต่ถ้าเป็นพยานเอกสารเราก็สามารถวินิจฉัยได้ทันที
ส่วนกรณีที่ถูกฝากขัง ซึ่งอาจทำให้ขาดคุณสมบัติอยู่ในบัญชีสำรองสมาชิกสมาชิกวุฒิสภานั้น นายแสวง ระบุว่าเมื่อดูจากข้อกฎหมาย นายษิทรา ยังมีคุณสมบัติครบถ้วนแม้ว่ากฎหมายจะอ้างไปหลายมาตรา แต่ตอนนี้ก็ยังมีคุณสมบัติอยู่ในบัญชีสำรองสมาชิกวุฒิสภา จนกว่าศาลชั้นใดชั้นหนึ่งจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
>> "หนุ่ม กรรชัย" เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ปากคำหลังถูกแอบอ้างชื่อปมคลิปเสียง 20 ล้าน
16.25 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. หนุ่ม กรรไชย พิธีกรชื่อดัง เดินทางเข้าพบ พงส.กก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำกรณีที่มอบอำนาจให้นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย มาแจ้งความเอาผิดนักร้อง(เรียน)หญิง กับ นักร้อง/นักแสดงชายชื่อดัง ที่มีคลิปเสียงแอบอ้างและพาดพิงรายการ โหนกระแส หลังได้รับการประสาน จากพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูล ในรายละเอียดที่เกิดขึ้น หลังจากที่วันก่อนมอบหมายให้ทนายความมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว
โดย หนุ่มกรรชัยบอกกับสื่อมวลชนที่ปักหลักเฝ้ารอ การเดินทางมาถึงนานหลายชั่วโมงว่า “ขอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก่อน แล้วจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้ง”
หลังจากนั้น หนุ่มกรรชัย พร้อมทนายความ ได้เดินเข้าไปที่ตึกศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทันที มีรายงานว่าการสอบปากคำในวันนี้อาจยาวนานหลายชั่วโมง เนื่องจากการสอบปากคำค่อนข้างละเอียด โดยพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ จะเป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง ขณะที่สื่อมวลชนจำนวนมากยังคงปักหลักเฝ้ารอที่บริเวณอาคารกองปราบปรามฯ
>> มท.1 สั่งเข้มช่วงเทศกาลลอยกระทง กำชับทุกพื้นที่กวดขัน พลุ ดอกไม้เพลิง โคมลอย และห้ามยิงปืนขึ้นฟ้า ฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามกฎหมายเด็ดขาด
17.46 น. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย. 67) เป็นวันลอยกระทง ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญของไทย ที่ประชาชนนิยมเล่นดอกไม้เพลิง จุดพลุ โคมลอย ตามสถานที่ต่าง ๆ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเหตุระเบิดและอัคคีภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวบ่อยครั้ง ตลอดจนการลักลอบใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
"นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย มีความห่วงใยในเรื่องของความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยว จึงได้ให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กำชับและเน้นย้ำกับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และนายอำเภอทั้ง 878 อำเภอ ถือปฏิบัติตามมาตรการการกวดขันการเล่นดอกไม้เพลิง การจุดและปล่อย พลุ ตะไล โคมลอย โคมควัน และการใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า และมาตรการในการป้องกันมิให้เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไม้ เพื่อป้องกันอันตรายและลดโอกาสเกิดอุบัติภัยที่อาจสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หากพบการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับต่างๆ ให้ดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด"
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับการจุดและปล่อยพลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้นายทะเบียนท้องที่และเจ้าหน้าที่ตาม พรบ.อาวุธปืนฯ ออกตรวจร้านค้าที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยบูรณาการร่วมกับ อปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งกวดขันห้ามมิให้จำหน่ายดอกไม้เพลิงนอกเหนือจากสถานที่ที่ได้รับอนุญาต
>> รถแท็กซี่ ชนกับรถอเนกประสงค์ มีผู้เสียชีวิตเป็นชายชาวจีน
21.30 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ปราจีนบุรี มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคล ชนกับรถแท็กซี่ และมีผู้เสียชีวิต ถนนหมายเลข 304 ช่วงทางกลับรถบ้านหนองปอ ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถอเนกประสงค์ มิตซูบิชิ ปาร์เจโร่ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับรถแท็กซี่ สีชมพู ป้ายทะเบียน กทม. ตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นผู้ขาย อายุ 53 ปี สัญชาติจีน ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่
>> เพลิงไหม้กองขยะ แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
01.02 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ อาคารแห่งหนึ่ง ซอยโชคชัย 4 ซอย 37 แยก 5 ถนนโชคชัย 4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็น เพลิงไหม้กองขยะลุกลาม รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 1. โตโยต้า ไทเกอร์ ทะเบียน กรุงเทพมหานคร เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน 2. รถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า อัลติส ทะเบียน กรุงเทพมหานคร เพลิงลุกไหม้ด้านท้ายเสียหายประมาณครึ่งคัน และ 3. รถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า โมบิลิโอ ทะเบียน กรุงเทพมหานคร เพลิงลุกไหม้ด้านหน้าเสียหายประมาณครึ่งคัน และลุกลามเครื่องปรับอากาศ ( ด้านนอกอาคาร ) 1 เครื่อง รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น สาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากเพลิงไหม้กองขยะ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดพร้าว
>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถนั่งส่วนบุคคล มีผู้เสียชีวิต
02.15 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถนั่งส่วนบุคคล และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ถนนลาดพร้าว ขาออก ช่วงหน้าซอยลาดพร้าว 43/1 ในพื้นที่เขตห้วยขวาง กทม.
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล BMW สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. จอดอยู่เลนซ้ายในสภาพท้ายรถฝั่งซ้าย มีร่องรอยการเฉี่ยวชนเสียหาย และห่างออกไปพบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า เอ็กแม็กซ์ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน ล้มคว่ำสภาพหน้ารถพังเสียหาย ใกล้กันพบร่างผู้บาดเจ็บชาย 1 ราย มีอาการสาหัสและหมดสติ ทางอาสาสมัครเร่งช่วยเหลือปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้น เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 25 -30 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน