สืบนครบาล รวบบัญชีม้าแก๊งไฮบริดสแกมหลอกให้รัก แล้วชวนให้ลงทุนเล่นหุ้นสูญเงิน 3 แสน ได้ค่าจ้างเปิดบัญชีธนาคารละ 400 บาท

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2567 เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. จับกุมตัว น.ส. เนตรดาว อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 656/2566 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2566ข้อหา “ร่วมกันอ้อโกงผู้อื่น และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน โดยประการที่น่าจะรู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ความผิดทางอาญาอื่นใด” จับกุมที่บริเวณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ถนนศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ ผู้เสียหายได้เล่นเฟส และได้มีการทักคุยกัน ชวนผู้เสียหายลงทุนเล่นหุ้นโดยตอนแรกหลอกให้รัก จากนั้นเมื่อคุยสักพัก ก็ชวนลงทุน เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อ เนตรดาว ของผู้ต้องจำนวน 7 ครั้ง ความเสียหายร่วม 295,403 บาท เมื่อทราบว่าตนถูกหลอก จึงได้แจ้งร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับว่าเมื่อ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ผู้ต้องหาได้เล่นเฟสบุ๊ก แล้วไปเจอฟีดหน้าเฟส ว่าสนใจสมัครเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ มีค่าตอบแทน บัญชีละ 400 บาท ผู้ต้องหาสนใจ จึงได้เปิดบัญชี จำนวน 2 บัญชี มีบัญชี ธนาคาร ธอส. ธนาคาร LHB. จำหมายเลขบัญชีไม่ได้ โดยช่วงเวลานั้น ผู้ต้องหาไม่มีงานทำ จึงต้องทำทุกอย่างที่พอมีเงินมาใช้จ่าย โดยคนจ้างเปิดแจ้งว่านำมาใช้ลงทุนเทรดทอง ใช้เพียง 15 วัน แล้วก็จะไม่ใช้แล้ว จากนั้นผู้ต้องหาทราบอีกทีก็มีหมายจับ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ขอแจ้งเตือนภัยว่า อย่าหลงเชื่อการมีมิจฉาชีพเอารูปบุคคลอื่นที่ ดูสวย ดูหล่อ มีความน่าเชื่อถือ แล้วทักมาจีบตีสนิท สุดท้ายก็ชวนลงทุน แรกก็ได้เงิน พอยอดเงินเยอะขึ้นก็จะถอนคืนไม่ได้ อ้างต่างๆสารพัด ขอให้ประชาชนมีสติ ไม่รีบ ไม่เชื่อ ไม่โอน และสำหรับผู้ที่เปิดบัญชีธนาคารนั้นต้องไว้ใช้เองเท่านั้นห้ามให้บุคคลอื่นใช้ ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ