วันที่ 5 มีนาคม. 2566 เวลา 14:15 น.
วันที่ 5 มีนาคม 2566 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พร้อม พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี และกำลังตำรวจ ได้ควบคุมตัวนายสิทธิศักดิ์ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดอุดรธานี ในข้อหา “วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ เสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุ หมวกกันน็อกสีดำ โทรศัพท์มือถือไอโฟน 14 โปรแม็ก ใบเสร็จรับเงินจากการขายทอง
สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 มีนาคม 2566 ร.ต.อ.จักรกฤษณ์ ศรีกงพาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ออกไปสอบสวนเหตุวิ่งราวทรัพย์ ห้างทองเยาวราช 2 ถนนพิศารสารกิจ เขตเทศบาลตำบลพันดอน อ.กุมภวาปี โดยเจ้าของร้านให้การว่า มีคนร้ายเป็นชายสวมหน้ากากอนามัยขี่รถจักรยานยนต์มาจอดข้างร้านทอง แล้วทำทีมาขอซื้อสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จึงนำสร้อยทองมาให้เลือกดู คนร้ายได้หยิบเอาสร้อยทองหนัก 2 บาท 2 เส้น มูลค่า 124,000 บาท หลบหนีออกจากร้านไป โดยมีภาพกล้องวงจรปิดขณะก่อเหตุเป็นหลักฐาน
ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี จนทราบว่าคนร้ายคือ นายสิทธิศักดิ์ กำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.กุมภวาปี จึงรวบรวมหลักฐานและพยานขออนุมัติศาลออกหมายจับ และเย็นวันที่ 4 มีนาคม ได้นำกำลังเข้าจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครอุดรธานี พร้อมของกลาง เสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ ใบขายทอง และมือถือไอโฟน จึงควบคุมตัวไปสอบสวน
นายสิทธิศักดิ์ รับสารภาพว่า ตนอาศัยอยู่กับยายตั้งแต่เด็ก เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน โดยได้ยืมเงินจากเพื่อนไปเล่นพนันออนไลน์และซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย แต่ไม่มีเงินใช้หนี้ จึงวางแผนวิ่งราวทอง หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้าไปทางทุ่งนา ห่างจากร้านทองประมาณ 1 กม. แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็นำหมวกกันน็อกไปทิ้งพื้นที่ว่างห่างไป 200 เมตร ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีเข้าไปในตัวเมืองอุดรธานี นำสร้อยคอทองคำไปขายให้ร้านทอง ราคาเส้นละ 5 หมื่นบาท นำเงินไปซื้อโทรศัพท์มือถือ ใช้หนี้ และนำไปใช้จ่าย เปิดโรงแรมนอน กระทั่งมาถูกจับกุม