วันที่ 28 ตุลาคม 2567 เวลา 16:23 น.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ต.ค.2567 ศาลจังหวัดนราธิวาส อ่านคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ อ1516/2567 ระหว่าง น.ส.ฟาดีฮะห์ ปะจูกูเล็ง ที่ 1 กับพวกรวม 48 คน โจทก์ กับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ที่ 1 กับพวกรวม 9 คน จำเลย ในคดี
คดีนี้ วันที่ 25 เม.ย. 2567 โจทก์ทั้ง 48 คน ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเก้าตาม ป.อ. มาตรา 59, 80, 83, 288, 289 (5), 309, 310 เนื่องจากเป็นคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้อง ศาลจึงนัดไต่สวนมูลฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 162 (1) ในวันที่ 24 มิ.ย.2567 ในวันนัด
ศาลไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์ได้ 1 ปาก จนล่วงเวลาราชการ จึงเลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อในวันรุ่งขึ้น ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดที่สอง
ศาลอนุญาตให้โจทก์ที่ 6-8 ที่ 26 ที่ 35 ที่ 42 และญาติโจทก์ที่ 3 แถลงการณ์ด้วยวาจาเกี่ยวกับความรู้สึก ความเสียหาย หรือความประสงค์อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ตามฟ้อง แล้วเลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 26 ก.ค.2567
ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดที่สาม ศาลไต่สวนพยานโจทก์ทั้ง 48 ได้ 2 ปาก รวมฝ่ายโจทก์นำพยานบุคคลเข้าไต่สวน 3 ปาก อ้างพยานเอกสาร 28 รายการ กับพยานวัตถุ 1 รายการ ฝ่ายจำเลยอ้างเอกสารประกอบการถามค้าน 27 รายการ คดีเสร็จการไต่สวน ศาลนัดฟังคำสั่งหรือฟังคำพิพากษาวันที่ 23 ส.ค.2567 เหตุที่นัดนาน เนื่องจากต้องส่งสำนวนและร่างคำสั่งฯ ให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ตรวจก่อนอ่าน
ทั้งนี้ ในการไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยทั้งเก้าไม่มาศาล แต่แต่งทนายความมาซักค้านพยานฝ่ายโจทก์ รวมทั้งได้ยื่นคำแถลงให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันสำคัญที่ศาลควรสั่งว่าคดีไม่มีมูล ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 165/2
วันที่ 23 ส.ค.2567 ศาลจังหวัดนราธิวาสมีคำสั่งว่า คดีในส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3-6 และที่ 8-9 มีมูลความผิดในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตาม ป.อ.มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83 และมาตรา 310 วรรคสอง ประกอบมาตรา 290, 83 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 7 พิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าคำฟ้องในส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) กับพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 7 มีส่วนร่วมในการกระทำผิดตามฟ้อง
วันเดียวกัน ศาลออกหมายเรียกจำเลยที่ 1 ที่ 3-6 และที่ 8-9 มาสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 12 ก.ย.2567
เมื่อถึงวันนัด จำเลยที่ 1 ที่ 3-6 และที่ 8-9 ไม่มา ศาลจึงออกหมายจับ เว้นแต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศาลมีหนังสือขออนุญาตจับต่อสภาฯ และเลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การฯ กับติดตามผลการจับและขออนุญาตจับ ในวันที่ 15 ต.ค.2567 ต่อมาวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลได้รับสำเนาหนังสือของสภาฯ
วันที่ 24 ก.ย 2567 แจ้งว่า ระหว่างสมัยประชุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่มีความคุ้มกันใด ๆ ในชั้นพิจารณาของศาล รวมทั้งจากการจับและคุมขังในคดีอาญา ศาลจึงออกหมายจับจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลเป็นผู้มีอำนาจจัดการตามหมายจับควบคู่ไปกับพนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าพนักงานตำรวจตามปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการติดตามจับกุมจำเลยที่หลบหนี
ในวันนัด วันที่ 15 ต.ค.2567 ยังไม่สามารถจับกุมจำเลยคนใดได้ ศาลไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อต้องเลื่อนคดีไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมจำเลยที่หลบหนีมาเสียก่อน แต่ศาลอนุญาตให้ญาติผู้ตายแถลงการณ์ด้วยวาจา เกี่ยวกับคดีนี้ แล้วมีคำสั่งเลื่อนไปไปนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี หรือนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันที่ 28 ต.ค.2567
ในวันนัดวันนี้ วันที่ 28 ต.ค.2567 ยังคงไม่สามารถจับกุมจำเลยที่ 1-3 ที่ 6 และที่ 8-9 ได้ ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6) เหตุที่ศาสมีคำสั่งจำหน่ายคดีแทนพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง เพราะตามบทบัญญัติดังกล่าว เป็นกรณีที่ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความปรากฏต่อศาลในชั้นทำคำพิพากษาและคำสั่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ศาลยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยไป แต่คดีนี้ จำเลยที่ 1-3 ถึงที่ 6 และที่ 8-9 ไม่เคยเข้าสู่การพิจารณา แต่หลบหนีจนคดีขาดอายุความ เป็นเหตุให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจท์ทั้ง 48 ระงับ ไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ ต้องจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน