เขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มการระบายน้ำ ช่วงดึก (22 ต.ค.67) แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนนอกคันกั้นน้ำ

วันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลา 19.30 น. กรมชลประทาน รายงานว่าในช่วงวันที่ 19 -21 ตุลาคม 2567 มีฝนตกหนักบริเวณจังหวัดอุทัยธานีถึง 191.6 มิลลิเมตร ทําให้มีปริมาณน้ำในลุ่มน้ำสะแกกรังเพิ่มากขึ้น

โดยปัจจุบันปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจากการคาดการณ์โดยกรมชลประทานใน 1-7 วันข้างหน้า โดยในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ที่สถานี C2  อำเภอเมืองนครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมกับคาดการณ์ปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง ประมาณ 150 ลูกบาศ์กเมตร ต่อวินาที ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณ 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบชลประทาน 2 ฝั่งในอัตรา 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

กรมชลประทานมีความจำเป็นที่ต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที โดยจะมีการะบายเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.10 -0.20 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ําบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง  คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  และตำบลหัวเวีย อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา(แม่น้ำน้อย)โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน หากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป

ทั้งนี้ กรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวอย่างเต็มศักยภาพ

แจ้งการปรับเพิ่มระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

วันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลา 20.00 น. ทยอยเพิ่มจากอัตรา 1,399 ลบ.ม./วิ  เป็นอัตรา 1,450 ลบ.ม./วิ  ในเวลา 23.00 น.  และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง

วันที่ 23 ตุลาคม 2567 เวลา 02.00 น. ทยอยเพิ่มจากอัตรา 1,450 ลบ.ม./วิ เป็นอัตรา 1,500 ลบ.ม./วิ ในเวลา 05.00 น. และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง