วันที่ 21 ตุลาคม 2567 เวลา 12:46 น.
นายกฯ บอกไม่กังวล กกต.รับคำร้องยุบ พท.-พรรคร่วมรบ.เดิม ปม ทักษิณ ครอบงำ ด้าน “ชูศักดิ์” แย้มฟ้องกลับได้ เพราะมีกฎหมายอยู่แล้ว
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. พิจารณาคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำ และชี้นำ พรรค ว่า ไม่กังวล
ขณะนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและฝ่ายกฎหมายรัฐบาล กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ร้องกกต.ให้ตรวจสอบ นางสาวแพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยินยอมให้นายทักษิณครอบงำ และชี้นำ กิจกรรมของพรรคว่า ก็เป็นเรื่องเก่า อย่าไปติดกับอะไรให้มากมาย ตนได้เคยชี้แจงไปแล้ว และตนได้ชี้แจงมาโดยตลอดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นมาอย่างไร กฎหมายมันมายังไงก็ว่ากันไป ท้ายที่สุดถ้าเขาเห็นว่าเป็นอย่างไรก็ต้องส่งคำร้องมา เราก็ชี้แจงกันไป ซึ่งเราก็บอกว่าไม่ใช่ครอบงำก็แค่นี้เอง ส่วนฝ่ายกฎหมายได้เตรียมข้อต่อสู้อย่างไรบ้างนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำร้องว่าเป็นอย่างไร และใครร้องมาบ้าง
ทั้งนี้ ระยะหลังมีบรรดานักร้องเป็นจำนวนมากและบางทีคดีก็ไม่มีมูล เรื่องนี้จำเป็นต้องมีมาตรการมาควบคุมหรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า เรื่องนี้ตนจึงได้บอกว่าต้องปรับเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องกฎหมายประกอบและอะไรต่างๆต้องสังคายนากันยกใหญ่ แต่จริงอยู่ว่าตอนนี้มันก็มีกฎหมายอยู่แล้ว เช่น การร้องเท็จก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องฟ้องเท็จร้องเท็จมันก็มีอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดต้องปรับกระบวนการ ถ้ามันไม่ปรับตรงนี้ก็ลำบาก ลก็จะสาละวนอยู่กับเรื่องแบบนี้
ส่วนพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้ถูกร้องจะสามารถดำเนินการฟ้องกลับได้หรือไม่หากคดีถูกยกไป นายชูศักดิ์ ระบุว่า มีอยู่แล้ว กฎหมายปัจจุบันมันก็มีอยู่แล้วต้องดูกันเพราะมันมากมายก่ายกอง มันกลายเป็นประเด็นที่น่าเบื่อหน่ายของสังคม เหมือนกับที่ตนเคยพูดว่า มันเดินหน้ากันไปไม่ได้สักที ก็หยุดอยู่กับเรื่องอะไรที่ไม่เป็นเรื่องเหล่านี้ เราจะใช้เวลาบริหารประเทศบ้างมันก็จมปลักกันอยู่แบบนี้
เมื่อถามย้ำว่ามีโอกาสจะฟ้องกลับใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ดูว่าท้ายที่สุดองค์กรอิสระจะว่าอย่างไร
ส่วนเมื่อดูหลายๆ คำร้องแล้วก็มั่นใจว่าน่าจะไม่ถึงขั้นยุบพรรคใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า มันไม่เกี่ยวหรอก เพราะการครอบงำต้องเป็นเรื่องแทรกแซง สั่งการ จนคณะกรรมการบริหารและคนที่เกี่ยวข้องไม่มีอิสระในการบริหาร ตนก็บอกไปแล้วว่า ใครมาสั่งการอะไรตอนเย็นมีมติแบบนี้ พูดกันแบบนี้ เช้าเราก็บอกว่าไม่ใช่ เราก็เห็นกันแบบนี้ มันก็ชัดเจนอย่างนี้