สืบท่องเที่ยว กก.๒ บก.ทท.๑ ตามรวบสองแก๊งปลอมเพจ ที่พักรีสอร์ทหรูย่านพัทยา ตุ๋นเงินนักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ ๑๒ ต.ค.๒๕๖๗ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมผิดกฎหมาย เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนักท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยว นั้น พ.ต.อ.แมน รถทอง ผกก.๒ บก.ทท.๑ สั่งการให้ พ.ต.ท.กฤตพร แสงสุระ สว.กก.๒ บก.ทท.๑ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ฝ่ายสืบสวน กก.๒ บก.ทท.๑ ออกตรวจการปฏิบัติตามแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรมการกระทำความผิด ในคดี ๑๐ กลุ่ม ต้องห้าม (เน้นกลุ่มที่ ๑-๓) ไกด์ชาวต่างชาติผิดกฎหมาย และความผิดอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบ ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาพรวม นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.๒ บก.ทท.๑ นำโดย พ.ต.ท.กฤตพร แสงสุระ สว.กก.๒ บก.ทท.๑ ได้ทำการจับกุม
ผู้ต้องหาตามหมายจับ ๒ ราย ดังนี้

๑. นางสาวหัทยา ภูครองตา อายุ ๓๐ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ ๔๔๓๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๐ ก.ย.๖๖ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดแต่บางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" สถานที่จับกุม บริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ ๙ ส.ค. ๖๖ ผู้เสียหายใช้งานแอปพลิเคชัน FACEBOOK พบกับเพจให้เช่ารีสอร์ท (ขอสงวนชื่อ) ได้โพสต์สาธารณะให้เช่าที่พัก ผู้เสียหายจึงสนใจติดต่อส่งข้อความไปยังช่องสนทนา (MESSENGER) ส่วนตัวของเพจดังกล่าวเพื่อสอบถามรายเอียดเกี่ยวกับที่พัก จากนั้นได้โอนเงินจองค่าที่พักไปเป็นเงิน ๓,๒๐๐ บาท จากบัญชีผู้เสียหายไปบัญชีนางสาวหัทยาฯ (ผู้ต้องหา) ภายหลังจากโอนเงินไปแล้วไม่สามารถเข้าพักได้จึงเชื่อว่าถูกหลอกจึงได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ต่อมาพนักงานงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา คือ นางสาวหัทยาฯ ต่อมางานสืบสวน กก.๒ บก.ทท.๑ ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมจนกระทั่งสืบทราบว่านางสาวหัทยาฯ ได้มาพักอาศัยอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงลงพื้นที่ติดตามจนพบตัวผู้ต้องหา และเข้าจับกุมพร้อมนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง บก.น.๔ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

๒. นางสาวศิริลักษณ์ฯ อายุ ๒๗ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดนครปฐม ที่ ๘๑/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒ ก.พ.๖๗ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" สถานที่จับกุม บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ ๑๗ มิ.ย.๒๕๖๖ ผู ้เสียหายใช้งานแอปพลิเคชัน FACEBOOK พบกับเพจให้เช่ารี
สอร์ท (ขอสงวนชื่อ) ได้โพสต์สาธารณะให้เช่าที่พัก ผู้เสียหายจึงสนใจติดต่อส่งข้อความไปยังช่องสนทนา (MESSENGER) ส่วนตัวของเพจดังกล่าวเพื ่อสอบถามรายเอียดเกี่ยวกับที่พัก จากนั้นได้โอนเงินจองค่าที่พักไปเป็นเงิน ๔,๐๐๐ บาท เข้าไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.ศิริลักษณ์ฯ (ผู้ต้องหา) จากนั้นผู ้เสียหายก็ไม่สามารถติดต่อกับเพจเฟซบ๊กดังกล่าวได้อีก จึงเชื่อว่าตนน่าจะถูกหลอก เลยตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล ภ.จว.นครปฐม เพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล ภ.จว.นครปฐม ได้รวบรวม
พยานหลักฐานต่างๆ ได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาคือ นางสาวศิริลักษณ์ฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.๒ บก.ทท.๑ ได้ออกทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุม จนสืบทราบว่า            
น.ส.ศิริลักษณ์ฯ (ผู้ต้องหา) มาทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.๒ บก.ทท.๑ จึงลงพื้นที่ติดตามจนพบตัวผู้ต้องหา และทำการจับกุมตัว โดยรับว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง จากนั้นจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสอบสวน สภ.พุทธมณฑล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า เมื่อวันที่ ๒๘ มี.ค.๖๖ เจ้าของโรงแรมที่เสียหายบนเกาะล้าน เมืองพัทยาที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ชื่อโรงแรมตนนำมาสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอม ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิด และหลงเชื่อเข้ามาจองและหลอกให้โอนเงิน ทำให้เกิดความเสียหาย และได้เดินทางมา สภ.เมืองพัทยา เพื่อทำการลงบันทึกประจำวันไว้ด้วยแล้วเช่นกัน

หากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับกรกระทำความผิด สามารถข้าไปเจ้งความได้ที่ www.Thaipoliceonline.com หรือ แอปพลิเคชัน Tourist Police i lert u                                                               
หรือ สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว โทร. ๑๑๕๕ ตลอด ๒๔ ชัวโมง