วันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 14:46 น.
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันดำเนินการจับกุม ผู้ร่วมขบวนการเว็บพนันออนไลน์ Crown168 จำนวน 14 ราย พร้อมยึดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) จำนวน 685 บัญชี, บัตรกดเงินสดอีกหลาย 100 ใบ, โทรศัพท์มือถือ, ซิมการ์ดโทรศัพท์ รวมของกลางอื่น ๆ กว่า 1,000 รายการ
กลุ่มที่ 2 ผู้ร่วมขบวนการจัดหาบัญชีม้า จำนวน 20 ราย จับกุมแล้ว 14 ราย พร้อมยึดแท็บเลตเครื่องสำคัญที่ใช้ในการจัดหาบัญชีม้า,โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสมุดบัญชีบางส่วน
กลุ่มที่ 3 ผู้ร่วมขบวนการฟอกเงินธุรกิจสีเทา จำนวน 38 ราย จับกุมแล้ว 36 ราย พร้อมตรวจยึดธนบัตรไทยและธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐ รวมมูลค่ากว่า 31 ล้านบาท และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ ทั้งนี้ยังได้มีการอายัดเงินในบัญชีธนาคารของนิติบุคคลที่พบความเชื่อมโยงกันอีกหลายบริษัท รวมจำนวนกว่า 25 ล้านบาท รวมผลการปฏิบัติสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 72 หมาย จับกุมแล้ว 64 ราย หลบหนี 8 ราย
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ดำเนินการจับกุมเว็บพนันออนไลน์ Crown168 ซึ่งได้รับการประสานงานจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ตรวจพบเว็บไซต์ที่มีการจัดให้มีการเล่นพนันในลักษณะคาสิโนออนไลน์ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตโดยผิดกฎหมาย (พนันออนไลน์) จากการจับกุมดังกล่าวสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดจำนวน 14 ราย พร้อมยึดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) จำนวน 685 บัญชี, บัตรกดเงินสดอีกหลาย 100 ใบ, โทรศัพท์มือถือ, ซิมการ์ดโทรศัพท์ รวมของกลางอื่น ๆ กว่า 1,000 รายการ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) ที่ตรวจยึดได้นั้น พบว่ามีบัญชีธนาคารนิติบุคคลหรือบริษัทรวมอยู่ด้วย
ต่อมาได้มีการนำบัญชีธนาคารที่ตรวจยึดได้มาตรวจสอบกับข้อมูลกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ ศูนย์ AOC โดยพบว่าบัญชีธนาคารดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นบัญชีรับเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีข้อมูลตรงกับที่มีการรับแจ้งจากศูนย์ AOC จำนวนหลายคดี เช่น หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน, หลอกให้โอนเงินเพื่อหารายได้เสริม, หลอกให้ติดตั้งโปรมแกรมเพื่อควบคุมโทรศัพท์มือถือผู้เสียหาย, หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. จึงได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อตรวจสอบที่มาของบัญชีธนาคารและซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ตรวจยึดได้ จนภายหลังทราบว่า บัญชีธนาคารต่าง ๆ ได้มาจากกลุ่มบุคคล ซึ่งมีการรวมตัวกันเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ สั่งการผ่านทางกลุ่มไลน์เฉพาะ ที่มีสมาชิกของขบวนการภายในกลุ่มไลน์ มีการให้ค่าตอบแทนกับผู้ที่มาทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคาร เป็นรายเดือน ๆ ละ 2,000 บาท ต่อคนต่อเดือน และเมื่อบัญชีธนาคารมีปัญหา เช่น ถูกอายัดบัญชี, ถูกหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ, บัญชีที่ทางธนาคารไม่อนุญาตให้ทำธุรกรรมการเงิน บัญชีเหล่านี้จะได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือนน้อยลงเรื่อย ๆ จนเมื่อบัญชีธนาคารไม่สามารถใช้งานได้ หัวหน้าขบวนการจะแจ้งตามลำดับลงมาว่าให้งดจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนของบุคคลตามที่แจ้งมา และให้ดำเนินการปิดบัญชี
ส่วนสมาชิกในขบวนการจะได้ค่าตอบแทนเป็น “ค่าหัวคิว” หักจากเจ้าของบัญชีธนาคาร ซึ่งหากสมาชิกคนใดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารได้มาก ก็จะได้ค่าตอบแทนมากขึ้นตามลำดับ หลังจากนั้นเมื่อได้บัญชีธนาคารพร้อมใช้งานมาแล้ว ขบวนการดังกล่าวจะนำบัญชีธนาคารที่ได้มาไปใช้เป็นบัญชีที่รับเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น บัญชีรับแทง (บัญชีรับเงินจากผู้เล่นพนันทุกประเภท), บัญชีจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เล่นการพนันทุกประเภท, บัญชีที่ใช้รับเงินจากผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง เป็นต้น โดยในขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ดังนี้
1. หัวหน้าองค์กรระดับสั่งการ เรียกว่า “บอส”
2. ผู้รับคำสั่งจากหัวหน้าองค์กร มีหน้าที่รับคำสั่งจาก “บอส” ในชั้นนี้แบ่งหน้าที่ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มรวบรวมเงิน, กลุ่มรวบรวมบัญชีม้า และ ฝ่ายการเงินองค์กร
3. ผู้มีหน้าที่หาผู้มาเปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) และรวบรวมส่งตามคำสั่งของบุคคลตามข้อ 2 เรียกว่า “หัวหน้าสาย” เช่น หัวหน้าสายร้อยเอ็ด, หัวหน้าสายอยุธยา, หัวหน้าสายมหาสารคาม เป็นต้น
4. ผู้มีหน้าที่รับคำสั่งจากบุคคลตามข้อ 3 โดยมีหน้าที่พาบุคคลไปเปิด-ปิดบัญชีธนาคาร และบรรจุบัญชีธนาคารพร้อมซิมการ์ดโทรศัพท์ลงในกล่อง แล้วนำส่งบริษัทขนส่งเอกชนต่าง ๆ ตามที่อยู่ที่บุคคลในข้อ 3 แจ้ง โดยได้รับค่าตอบแทนจากองค์กร เรียกว่า “แม่สาย” ในชั้นนี้ มีทั้งแม่สายเปิดบัญชีเองด้วย และหาคนทั่วไปมาเปิดบัญชีม้า
5. ผู้ที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารแล้วส่งมอบให้กับบุคคลตามข้อ 4 เรียกว่า “ลูกสาย”
ผลการปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการจัดหาบัญชีม้าได้จำนวน 14 ราย โดยยังมีอีก 6 ราย ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าและผู้ใกล้ชิดหัวหน้าขบวนการ หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดแท็บเลต, ซิมการ์ด และโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการติดต่อสั่งการกันในขบวนการอีกจำนวนหลายรายการ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือพบว่ามีกลุ่มไลน์เกี่ยวกับการจัดหาบุคคลมาเปิดบัญชี, การจ่ายเงินค่าตอบแทน, แก้ไขสแกนใบหน้า จำนวน 19 กลุ่มไลน์ และยังพบข้อมูลสถานที่ส่งบัญชีม้าอีก 17 จุดทั่วประเทศ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนขยายผลบัญชีธนาคารประเภทนิติบุคคลหรือบริษัทที่ตรวจยึดมาได้ พบว่ามีเส้นทางการเงินต้องสงสัยเชื่อมโยงไปยังบัญชีธนาคาร บริษัท จี เอ็น xxx จึงได้ทำการตรวจสอบ ปรากฏว่าภายในระยะเวลา 1 เดือน บริษัท จี เอ็น xxx มีการรับโอนเงินจากบริษัทฯ อื่น ๆ กว่า 21 บริษัท เป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนพบว่าบริษัทฯ จำนวน 21 บริษัท ที่โอนเงินเข้ามายัง บริษัท จี เอ็น xxx เป็นการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล เปิดบริษัทฯ มาบังหน้าเท่านั้น ไม่ได้มีการดำเนินกิจการตามจุดประสงค์ที่ขอจดทะเบียน และจากการตรวจสอบข้อมูลบุคคลของกรรมการบริษัทฯ แต่ละรายแล้ว พบว่าเป็นบุคคลที่มีฐานะไม่สัมพันธ์กับเงินหมุนเวียนของบริษัทที่มียอดเงินหมุนเวียนนับร้อยล้านบาท เพราะแท้จริงแล้ว บริษัทฯ จัดตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการไปขอเปิดบัญชีธนาคารกับธนาคารแล้วนำบัญชีธนาคารของนิติบุคคลหรือบริษัทนั้น มาเป็นบัญชีรับเงิน-จ่ายเงินให้กับกลุ่มเว็บพนันออนไลน์กว่า 10 เว็บไซต์ และกลุ่มเครือข่ายที่กระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นอีก โดยมีการโอนเงินผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเปิดให้เล่นการพนันต่อไปยังบัญชีธนาคารของ บริษัท จี เอ็น xxx ก่อนกรรมการ บริษัท จี เอ็น xxx (ม้า) จะลงลายมือชื่อในใบถอนเงินและเอกสารมอบอำนาจ โดยเว้นช่องชื่อผู้รับมอบอำนาจและจำนวนเงิน ทิ้งไว้ให้กับกลุ่มถอนเงิน ไปตระเวนถอนเงินผิดกฎหมายทั่วกรุงเทพ
ซึ่งจากการสืบสวนติดตามกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 สามารถพิสูจน์ทราบถึงขบวนการฟอกเงินรายใหญ่ในประเทศได้ โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะเรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่ม Payment ซึ่งทำหน้าที่ในการรับฟอกเงินให้กับธุรกิจสีเทาต่าง ๆ โดยจากการตรวจสอบพบความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์, แก๊งค้ายาเสพติด และเว็บพนันออนไลน์ โดยคิดค่าตอบแทนอย่างน้อย 3% ต่อยอดเงินที่กลุ่มธุรกิจสีเทานำมาฟอก และหากกลุ่มธุรกิจสีเทาต้องการฟอกเป็นเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี กลุ่ม Payment ก็จะนำเงินสดไปทำการแลกเปลี่ยนโดยมีค่าตอบแทนเป็น % ตามจำนวนเงินที่นำมาแลกอิงตามค่าเงินเหรียญ USDT ของวันนั้น ๆ
ผลการปฏิบัติการตั้งแต่ช่วงต้นปี พ.ศ.2567 นำมาสู่การสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาขบวนการจัดหาบัญชีธนาคารประเภทนิติบุคคล (บริษัท) เพื่อฟอกเงินให้กับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายทั้งบุคคลและองค์อาชญากรรมต่าง ๆ โดยในวันที่ 7-11 ตุลาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ จำนวน 36 ราย พร้อมตรวจยึดธนบัตรไทยและธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐมูลค่ารวมกว่า 31 ล้านบาท, สมุดบัญชีธนาคาร บริษัท จี เอ็น xxx พร้อมหลักฐานอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้ทำการอายัดเงินในบัญชีธนาคารของนิติบุคคล ที่พบความเชื่อมโยงกันอีกหลายบริษัท รวมจำนวน 25 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนั้นยังพบว่าเป็นเงินจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์โอนเข้ามาเพื่อฟอกเงินอีกด้วย
ทั้งนี้ในทางสืบสวนพบว่ามีข้อมูลที่เชื่อว่ายังมีกลุ่มนิติบุคคลที่ทำการเปิดบริษัท โดยการจ้างบุคคลอื่นมาเป็นกรรมการ ซึ่งเมื่อทำการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้แล้ว จะไปยื่นขอเปิดบัญชีธนาคาร แล้วนำบัญชีธนาคารในรูปแบบนิติบุคคลไปใช้ประโยชน์ในลักษณะที่ทำการจับกุมมาแล้วอยู่อีกจำนวนหลายกลุ่ม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป จะทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดรายที่เหลือเพื่อเป็นการตัดตอน และแก้ปัญหาบัญชีธนาคารม้า ที่กำลังระบาดสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างแพร่หลายต่อไป
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน