วันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 11:12 น.
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) ร่วมกันจับกุม นายคำรบ อายุ 54 ปี ฐาน " (ฆ่าผู้อื่น) ความผิดต่อชีวิต, ผิดต่อตำแหน่งเจ้าหน้าที่ราชการ ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุกจำเลย มีกำหนด 20 ปี " (หลบหนีหมายศาล) โดยจับกุม ถนนศรีสะเกษ ตำบลคำน้ำแซบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2536 เวลาประมาณ 12.00 น. ผู้ตายได้ขับรถบรรทุกมาบนสะพานพระโขนง จากนั้นได้ถูกผู้ต้องหาซึ่งขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ เรียกให้หยุดรถและขอตรวจใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งทางผู้ตายไม่ได้แสดงใบอนุญาตขับขี่ในทันที แต่ทางผู้ตายได้แจ้งให้ผู้ต้องหาทราบว่า จะขอขับรถไปจอดที่เชิงสะพาน เนื่องจากเห็นว่าด้านหลังมีรถติดจำนวนมาก โดยทางผู้ต้องหาเกรงว่าผู้ตายจะขับรถหลบหนี ทั้งสองจึงมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน จนภายหลังเมื่อผู้ตายขับรถออกไป เพื่อจะไปจอดที่บริเวณเชิงสะพาน ทางผู้ต้องหาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปดักรอด้านหน้า และใช้อาวุธปืนยิงไปที่ประตูรถบรรทุกของผู้ตาย กระสุนถูกผู้ตายจำนวน 1 นัด บริเวณเอวด้านขวาทะลุออกซี่โครงด้านหน้า ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย
ภายหลังจากเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยได้มีการเก็บรวบรวมพยาน หลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมกับสอบถามประจักษ์พยาน เนื่องจากทางผู้ต้องหาอ้างว่าถูกผู้ตายขับรถพุ่งเข้าใส่ ผู้ต้องหาจึงใช้อาวุธปืนขู่เพื่อให้หยุดรถ และในระหว่างนั้นผู้ต้องหาเกิดเสียหลักล้มลง อาวุธปืนที่อยู่ในมือจึงลั่นไปถูกผู้ตาย โดยผู้ต้องหาอ้างว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแต่อย่างใด
ซึ่งจากการสอบถามพยานบุคคลผู้เห็นเหตุการณ์ต่างให้การว่าในขณะที่ผู้ต้องหาขอตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่รถยนต์จากผู้ตายนั้น ผู้ตายไม่ได้แสดงใบอนุญาตขับขี่ในทันที โดยผู้ตายขอให้ตามไปเอาที่เชิงสะพานเพราะรถเคลื่อนตัวออกแล้ว ผู้ต้องหาจึงเกิดความไม่พอใจ จากนั้นจึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาดักรอรถผู้ตาย ก่อนจะใช้อาวุธปืนขนาด .357 ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จากคำให้การของพยานประกอบกับรายงานผลการชันสูตรพลิกศพซึ่งระบุวิถีกระสุนที่ผู้ต้องหายิงผู้ตายนั้นอยู่ในแนวระดับเข้าซี่โครง ไม่ตรงตามวิถีกระสุนที่ ผู้ต้องหาอ้างว่าตนเองล้มลงเเละทำปืนลั่นใส่ผู้ตาย พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว
ต่อมาในระหว่างที่คดีอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ต้องหาไม่เดินทางไปฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลมีคำพิพากษาจำคุก 20 ปี ศาลจึงได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการลงพื้นที่จับกุม จากนั้นจึงนำตัวส่งศาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ไม่ขอให้การใดๆ