บาร์เซโลนา , 12 ต.ค. (ซินหัว) — สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสเปน (Aemet) รายงานเมื่อวันศุกร์ (11 ต.ค.) ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงเหนือของสเปนกำลังเผชิญภัยแล้งรุนแรงครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว แม้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้จะมีพายุเข้าก็ตาม

รายงานระบุว่า แม้ว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำโดยเฉลี่ยของประเทศจะอยู่ที่ร้อยละ 48 ของความจุทั้งหมด แต่ภูมิภาคทางตอนใต้อย่างแคว้นอันดาลูเซีย (Andalusia) และแคว้นคาตาลูญญา (Catalonia) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ กลับมีระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต่ำกว่านั้นมาก โดยเฉลี่ยอยู่ร้อยละที่ 29 และ 27 ของความจุ ตามลำดับ ขณะที่อ่างเก็บน้ำบางแห่งในภูมิภาคเหล่านี้พบระดับน้ำต่ำมากที่เพียงร้อยละ 15 เท่านั้น ในสัปดาห์นี้ คณะกรรมาธิการด้านภัยแล้งของแคว้นอันดาลูเซีย จึงมีการกำหนดปริมาณการใช้น้ำของประชาชนในบางพื้นที่ไว้ที่ไม่เกิน 180 ลิตรต่อคนต่อวัน

รูเบน เดล คัมโป โฆษกของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสเปน ระบุว่าพื้นที่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรไอบีเรีย พื้นที่ตอนใต้ของแคว้นอันดาลูเซีย เผชิญภัยแล้งที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960

ด้านฆวนมา โมเรโน (Juanma Moreno) ประธานรัฐบาลแคว้นอันดาลูเซีย กล่าวระหว่างการเยือนกรุงบรัสเซลส์เมื่อไม่นานนี้ ว่าสหภาพยุโรปควรเพิ่มทรัพยากรในการพัฒนาสาธารณูปโภคที่จะช่วยให้พื้นที่ที่ประสบภัยแล้งใช้น้ำทุกหยดได้อย่างคุ้มค่าและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยรัฐบาลแคว้นอันดาลูเซียอคาดว่าอาจเกิดสถานการณ์เร่งด่วนช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2025 หากปริมาณน้ำฝนในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้ว

ทั้งนี้ รูเบน เดล คัมโป ตั้งข้อสังเกตว่าสเปนประสบภัยแล้งมาตลอดสืบเนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ แต่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของสหประชาชาติยืนยันว่าสเปนเผชิญภัยแล้งบ่อยครั้งขึ้นเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ