สำนักข่าว เอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานว่า โบอิ้ง บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐ ได้ประกาศเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ว่ามีแผนที่จะปลดพนักงาน 10% หรือราว 17,000 คนทั่วโลก หลังโบอิ้งคาดการณ์ว่าทางบริษัทจะขาดทุนมหาศาลในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ท่ามกลางปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในบริษัทตอนนี้

นายเคลลี่ ออตเบิร์ก ซีอีโอของโบอิ้งกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการปรับลดพนักงานเพื่อให้สอดคล้องไปกับความเป็นจริงทางด้านการเงินของเราและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เราให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก การปรับลดพนักงานครั้งใหญ่นี้จะกระทบถึงตำแหน่งผู้บริหาร ผู้จัดการ และพนักงานทั่วไป

ขณะนี้โบอิ้งกำลังเผชิญกับหลายปัญหารุมเร้า สหภาพแรงงานของโบอิ้งที่เป็นตัวแทนของพนักงาน 33,000 คนมีการนัดหยุดงานนับตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา หลังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องค่าจ้าง ซึ่งการประท้วงหยุดงานนี้ทำให้การผลิตเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ 767 และ 777 ต้องหยุดชะงัก โบอิ้งบอกอีกว่าการหยุดงานของพนักงานทำให้มีค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษี 3 พันล้านดอลลาร์ในธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ในช่วงไตรมาสที่ 3 อันเป็นส่วนหนึ่งของการขาดทุนที่คาดไว้ที่ 9.97 ดอลลาร์ต่อหุ้น

นอกจากนั้นแล้วโบอิ้งยังถูกตรวจสอบอย่างหนักในเรื่องความปลอดภัย อาทิ ความล้มเหลวของยานอวกาศสตาร์ไลเนอร์ที่ไม่สามารถนำนักบินอวกาศ 2 คนที่ตกค้างอยู่บนสถานีอวกาศแห่งชาติกลับมาสู่โลกได้ และการที่แผงประตูของเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 9 ของสายการบินอลาสก้าแอร์ไลน์ปลิวหลุดกลางอากาศเมื่อเดือนมกราคม

นอกจากนั้นแล้ว ออตเบิร์กเปิดเผยด้วยว่าโบอิ้งได้แจ้งกับลูกค้าว่าการส่งมอบเครื่องบินรุ่น 777X ลำแรกจะถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิม 1 ปีไปเป็นปี 2026 เนื่องจากความท้าทายต่างๆ ที่เผชิญในช่วงการพัฒนาเครื่องบิน รวมถึงการระงับการบินทดสอบชั่วคราวและการประท้วงหยุดงานของพนักงานโบอิ้ง