หน้าแรก > สังคม

"รมช.คมนาคม" หารือกรณีอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สั่งการขนส่งทางบกเร่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทุกมิติ

วันที่ 2 ตุลาคม 2567 เวลา 14:22 น.


นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หารือกรณีอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้บริเวณใกล้ทางแยกต่างระดับอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต พร้อมสั่งการ กรมการขนส่งทางบกเร่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทุกมิติ เพื่อป้องกัน แก้ไข ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หารือกรณีอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้บริเวณใกล้ทางแยกต่างระดับอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมี นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ และนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก ร่วมหารือ ในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 12.08 น. ได้เกิดเหตุรถโดยสารไม่ประจำทางหมายเลขทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี (รถโดยสารชั้นเดียว ปรับอากาศ) บรรทุกเด็กนักเรียนและครูจำนวน 45 ราย เดินทางออกจากจังหวัดอุทัยธานี เมื่อถึงจุดเกิดเหตุบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าเซียร์รังสิต รถคันดังกล่าวได้เกิดเสียหลักไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋ง และไถลเบียดกับแบริเออร์ที่อยู่กลางเกาะถนนวิภาวดี จากนั้นจึงเกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเสียหายทั้งคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย บาดเจ็บ 3 ราย นั้น รถโดยสารคันที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียวมาตรฐาน 1 (ข) ปรับอากาศ โดยล่าสุดกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ยกเลิกการประกอบการของผู้ประกอบการรถคันที่เกิดเหตุทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้มีข้อสั่งการดังนี้

1. ให้ ขบ. เรียกรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง ที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดจำนวน 13,426 คัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567) เข้ารับการตรวจสภาพรถภายใน 60 วัน

2. ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง (30) ทั้งระบบ (การประกอบการ การตรวจสภาพ การให้บริการ)

3. สำหรับกรณีให้บริการรถโดยสารประจำทาง (30) ให้ ขบ. บูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาและสถานศึกษาทั่วประเทศกรณีนำรถเช่าเหมาหรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ โดยให้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง

4. ออกกฎหมายให้มีพนักงานประจำรถเช่นเดียวกับรถโดยสารประจำทาง โดยพนักงานและผู้ประจำรถต้องได้รับการอบรมและผ่านการทดสอบหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร (Crisis Management)

5. ออกกฎหมายระเบียบเพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูลและแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการ (เช่นเดียวกับสายการบิน)

“กระทรวงคมนาคมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ วันนี้เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับมาตรฐานทุกมิติ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และฝากถึงผู้ประกอบการขอให้ช่วยตรวจสอบรถ พนักงานขับรถ และผู้ประจำรถ ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอีกต่อไป” นายสุรพงษ์ กล่าว

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม