หน้าแรก > อาชญากรรม

ช่วยเหลือสาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเงิน 8 ล้าน

วันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 11:14 น.


CIB ช่วยเหลือครอบครัวชาวจีน เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลูกสาวถูกหลอกสูญเงินไป 8 ล้านบาท ส่วนพ่อแม่ถูกข่มขู่เรียกค่าไถ่ลูกสาว

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันติดตามตัวเพื่อช่วยเหลือ นางสาวซอง อายุ 42 ปี สัญชาติจีน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้รับการประสานมาจากทางสถานทูตจีนว่าได้มีหญิงสาวชาวจีนซึ่งเป็นมารดาของนางสาวซอง ติดต่อมาขอความช่วยเหลือกับทางสถานทูตจีน ให้ช่วยติดตามตัว นางสาวซอง เนื่องจากมารดา ได้รับข้อความผ่านทางโทรศัพท์เเจ้งว่า นางสาวซอง ถูกกักขังอยู่ที่ประเทศไทย โดยคนร้ายมีการข่มขู่เรียกค่าไถ่ ทางสถานทูตจีนจึงได้ประสานมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ให้ช่วยดำเนินการติดตามหาตัวนางสาวซอง

จากการสืบสวนทราบว่าเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ขณะที่มารดา อาศัยอยู่ที่ประเทศจีนมารดา ได้รับข้อความผ่านแอปพลิเคชัน We Chat ซึ่งเป็นชื่อบัญชีของนางสาวซอง (ลูกสาว) แจ้งว่านางสาวซอง ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ประเทศเยอรมันมานานกว่า 17 ปี ได้ถูกนำตัวมากักขังทำงานอยู่ที่ประเทศไทย หากต้องการจะช่วยเหลือนางสาวซอง ให้มารดา เตรียมเงินค่าไถ่ตัวไว้เป็นจำนวน 2.5 ล้านหยวน (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 12.5 ล้านบาท) พร้อมกันนี้ยังได้มีการส่งคลิปวิดีโอของนางสาวซอง ซึ่งกำลังถือหนังสือเดินทางพูดภาษาจีนแปลความหมายได้ว่า “ข้าพเจ้ามาทำงานอยู่ที่ประเทศไทย คลิปวิดีโอนี้ข้าพเจ้าไม่ได้ถูกบังคับให้ถ่ายแต่อย่างใด” มาให้มารดาดูอีกด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนเพิ่มเติม โดยพบข้อมูลว่านางสาวซอง เดินทางออกจากประเทศเยอรมันนีตั้งเเต่วันที่ 15 สิงหาคม 2567 โดยมีปลายทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ปรากฏภาพของนางสาวซอง เดินทางมาที่ สนามบินสุวรรณภูมิเพียงลำพัง โดยเมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเเล้ว นางสาวซอง ได้เรียกรถแท๊กซี่โดยสารออกจากสนามบินทันที จากนั้นพบว่า นางสาวซองได้มาเช่าห้องพักอาศัยอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งในซอยกิ่งแก้ว 40/1 ตำบลราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพียงลำพัง และตามไปพบตัวช่วยเหลือไว้ได้

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหลักฐานที่มีการส่งข้อความไปยังพ่อแม่เพื่อเรียกเงินจำนวน 2.5 ล้านหยวน แลกกับการปล่อยตัวนางสาวซอง ให้ดู ในช่วงเเรกนางสาวซอง ยังมีท่าทีไม่เชื่อ จนภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการเชิญมารดาและบิดา ให้มาพบและพูดคุย นางสาวซอง จึงเชื่อว่าเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดเป็นเรื่องจริง

จากการสอบถามปากคำ นางสาวซอง ให้การว่า เมื่อเดือน เม.ย.67 ตนทำงานอยู่ในประเทศเยอรมันนี ได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนโทรศัพท์มาหา โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน เเจ้งว่าตนมีการเปิดหมายเลขโทรศัพท์ที่ประเทศจีนซึ่งเป็นหมายเลขที่ใช้ในการหลอกลวงคนอื่นในลักษณะหลอกให้ทำงานพิเศษ เข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยมีการแจ้งความไว้และจะต้องถูกดำเนินคดี จากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้พูดจาหว่านล้อม ให้ โอนเงินเข้ามายังบัญชีของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อทำการตรวจสอบ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อ้างว่าหากทำการตรวจสอบเรียบร้อยเเล้วจะโอนเงินคืนให้แต่ภายหลังเมื่อ โอนเงินไปแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวได้แจ้งว่า โอนเงินไปผิดบัญชี ให้โอนเงินมาใหม่ หากไม่โอนจะไม่ได้รับเงินก้อนเดิมคืน จึงโอนเงินเพิ่มไปอีก ซึ่งยอดเงินที่โอนไป จำนวน 207,000 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 8 ล้านบาท

จากนั้นในช่วง ส.ค.67 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ออกอุบายหลอกลวงตนอีกครั้ง โดยให้เดินทางจากประเทศเยอรมันนีมายังประเทศไทย โดยอ้างว่าจะมีบุคคลที่สามารถช่วยเหลือทางคดีได้ ซึ่งเมื่อเดินทางมาที่ประเทศไทย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ให้ ติดตั้งแอปพลิเคชัน Skyp และเปิดวิดีโอคอลไว้ให้เห็นตลอดเวลา นอกจากนี้ยังได้ออกอุบายให้ ถ่ายคลิปวิดีโอตนเอง พูดว่า มาทำงานอยู่ที่ประเทศไทย และไม่ได้ถูกบังคับให้ถ่ายแต่อย่างใด (ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกส่งไปหลอกลวงพ่อแม่ของนางสาวซอง )

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามถึงสาเหตุที่นางสาวซอง ไม่ยอมพูดความจริงในช่วงเเรก โดย นางสาวซอง ได้ให้เหตุผลว่า เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2567 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้หลอกนางสาวซอง ว่าหากบอกเรื่องดังกล่าวกับบุคคลอื่นหรือไม่ทำตามที่สั่ง จะไม่ได้รับเงินคืนและจะถูกดำเนินคดี ในส่วนของมารดา ที่ถูกข่มขู่เรียกค่าไถ่ลูกสาวนั้นมารดา ยังไม่ได้มีการโอนเงินไปให้กับแก๊งมิจฉาชีพแต่อย่างใด

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม