วันที่ 25 กันยายน 2567 เวลา 23:59 น.
รวบแก๊งขนยาเสพติด เตรียมส่งภาคใต้ ยึดของกลางยาบ้า 4.8 แสนเม็ด
25 ก.ย.67 กองบังคับการปราบปราม โดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.5 บก.ป. และ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ได้ร่วมกันจับกุม 1. น.ส.อัญ 2. นายนุ 3. นายชัย 4. น.ส.ปลา โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”
พร้อมของกลางยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) จำนวน 480,000 เม็ด จับกุมได้ที่ ถนนเพชรเกษม ทล.4 (ขาล่องใต้) กม.469 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ต่อเนื่องถึง ถนนเอเชีย ทล.41 (ขาล่องใต้) กม.13 ต.ทุ่งคา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนติดตามผู้กระทำความผิดได้วิ่งราวทรัพย์ร้านทองในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาศาลจังหวัดทุ่งสง ได้ออกหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าว ข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ กก.5 บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัว จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปพักอาศัยใน อ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา แต่รถยนต์ที่ผู้ต้องหาครอบครองอยู่ (รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียน กทม.) ยังคงมีการใช้งานอยู่ในลักษณะที่ผิดปกติ ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้ขับขี่ โดยขับขี่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ลงมาถึง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดใกล้เคียง เมื่อถึงที่หมายแล้ว ก็ได้กลับขึ้นไปยังพื้นที่จังหวัดเชียงราย และกลับลงมาอีก เป็นจำนวนหลายครั้ง และยังพบว่าในการเดินทางแต่ละครั้ง จะมีรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้ารุ่นวีออส สีเทา ทะเบียน กทม.ติดตามมา ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน เชื่อว่าน่าจะบรรทุกสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้วางแผนทำการสืบสวนและเฝ้าติดตาม
จนกระทั่งในวันที่ 22 ก.ย.2567 ช่วงเวลากลางวัน พบว่ากลุ่มรถยนต์เป้าหมาย ขับขี่จากจังหวัดเชียงราย มุ่งหน้ามายัง ภาคใต้ จึงได้ประสาน ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงชุมพร) สกัดจับ และสามารถสกัดจับรถทั้ง 2 คัน ไว้ได้ และพบของกลางเป็นยาเสพติด บรรจุอยู่ในถุงกระสอบ จำนวน 4 กระสอบ มียาบ้า รวมจำนวน 480,000 เม็ด นำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามกลุ่มผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกระทำผิดจริง โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำกล่าวคือ จะมีรถนำจะได้รับค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาทต่อครั้งต่อเที่ยว รถตามจะได้ค่าจ้างเป็นค่าขนยาเสพติดเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาทต่อครั้งต่อเที่ยว และมีผู้สั่งการ โดยรถนำจะขับขี่ล่วงหน้าไปก่อนเพื่อคอยรายงานเส้นทางเป็นระยะ เมื่อเส้นทางปลอดภัย ไม่มีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ จะแจ้งไปยังรถตามที่บรรทุกยาเสพติดให้ขับขี่ตามมา และจะมีการสื่อสารระหว่างรถนำ รถตาม และผู้สั่งการตลอดเวลา เพื่อคอยติดตามและรายงานเหตุการณ์ที่ไม่ปกติจนกระทั่งถึงจุดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดรถยนต์และยาเสพติดของกลางดำเนินคดีตามกฎหมาย