วันที่ 17 กันยายน 2567 เวลา 14:24 น.
วันนี้ (17 ก.ย. 67) เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และ ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ร่วมแถลงข่าวกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ครั้งที่ 1 สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 13 จังหวัด และการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมแจ้งเปิดใช้งานการแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยผ่านข้อความสั้น (SMS) ทั้งแบบล่วงหน้าและฉุกเฉิน
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย สุโขทัย พิษณุโลก หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ ปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา พังงา ชุมพร ภูเก็ต และสตูล รวม 45 อำเภอ 192 ตำบล 934 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 27,831 ครัวเรือน สำหรับพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ ขณะนี้ระดับน้ำได้ลดระดับลงแล้ว การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจึงมุ่งไปที่การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับมาสู่สภาพเดิมโดยเร็ว โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครมูลนิธิ ส่งกำลังพลและอุปกรณ์เข้าฟื้นฟูทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน ถนนหนทาง เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้ ได้สั่งการสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับพื้นที่ภาคอีสานนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ระดมสรรพกำลังจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในภาคอีสานไปปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เป็นการล่วงหน้าแล้ว โดยได้กระจายกำลังติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักรกลสาธารณภัยรองรับน้ำโขงที่ล้นตลิ่งและระบายน้ำออกจากพื้นที่ วางกระสอบทรายกั้นน้ำ รวมถึงอพยพประชาชนในพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่เสี่ยงภัยที่คาดว่าจะเกิดสถานการณ์ขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center: EOC) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ข้อมูล ประสานงาน และบริหารทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานให้กับพื้นที่ ตลอด 24 ชั่วโมง
“เพื่อป้องกันความเสียหายและลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากอุทกภัย กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้หารือคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช)สายงานโทรคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจสังคม กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS True และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) โดยบ่ายวานนี้ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะร่วมกันดำเนินการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) ทั้งการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า 12- 24 ชั่งโมง และการแจ้งเตือนภัยแบบฉุกเฉิน 6 -12 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้รับข้อมูลการแจ้งเตือนภัยและสามารถเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างทันท่วงทีและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะทำการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงภัย และส่งข้อความ (SMS) แจ้งเตือนประชาชน ไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อทำการแจ้งเตือนประชาชนไปพื้นที่เสี่ยงภัยต่อไป โดยสามารถทำการแจ้งเตือนภัยได้ทันทีหากมีสถานการณ์ภัยที่เป็นไปตามเกณฑ์ ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะประชาสัมพันธ์และแจ้งรายละเอียดข้อความเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนอีกครั้งก่อนทำการแจ้งเตือน เพื่อให้ประชาชนคลายความกังวลใจและมั่นใจว่าข้อความที่ท่านได้รับคือข้อความแจ้งเตือนภัยจากทางราชการ ไม่ใช่มิจฉาชีพแต่อย่างใด”
ทั้งนี้ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน (EOC) จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รายงานเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง และช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยประชาชนสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัยได้ทางแอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” ทั้งระบบ IOS และ Android และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน