นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เผยถึง โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ 1. เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ 2. การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค โดยเชื้อจะเข้าทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา หรือการสัมผัสเลือดของหมู ที่กำลังป่วย ซึ่งหลังจากได้รับเชื้อ 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง สูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวก ถาวรได้ ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะ “สายเมา” ผู้นิยมดวดเหล้าพร้อมกินหมูดิบ ทำให้ช่วงนี้พบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้หูดับเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการดื่มสุราร่วมกับกินหมูดิบ ลาบเลือดดิบ ก้อยดิบ แหนมหมูดิบนั้นทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส
นอกจากผู้รับประทานหมูดิบแล้ว โรคนี้ยังมีความเสี่ยงไปถึงพ่อครัว แม่ครัว ผู้ปรุงอาหารที่มีบาดแผล แล้วไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้ ดังนั้น ขอย้ำเตือนประชาชน อย่ากินหมูดิบ รวมถึงใช้วิธีบีบมะนาวเพื่อให้หมูสุก อาหารปิ้งย่างควรใช้อุปกรณ์คีบเนื้อหมูสุกและเนื้อหมูดิบแยกจากกัน ไม่ควรใช้ตะเกียบคีบหมูดิบ แล้วนำมารับประทาน
สำหรับสถานการณ์โรคหูดับ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม ถึง 3 กันยายน 2567 พบผู้ป่วยโรค ไข้หูดับจำนวน 135 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 11 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้
1) จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 80 ราย เสียชีวิต 7 ราย
2) จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 27 ราย เสียชีวิต 2 ราย
3) จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 15 ราย เสียชีวิต 1 ราย
4) จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 13 ราย เสียชีวิต 1 ราย
กลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือกลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และกลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากมีอาการ ให้รีบพบแพทย์โดยเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่หากติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรงเนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ได้แก่ ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น