23 สิงหาคม 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมศิลปากร สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยของโบราณสถานในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดน่าน ซึ่งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีน้ำไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมือง ซึ่งมีวัดและโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง เบื้องต้น พบว่าน้ำไหลท่วมพื้นที่โบราณวัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดหัวข่วง วัดมิ่งเมือง ข่วงเมืองน่าน คุ้มเจ้าราชบุตร วัดกู่คำ สูงกว่า 20 เซนติเมตร

ทางกรมศิลปากรจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์โดยในส่วนของภาพจิตรกรรมปู่ม่านย่าม่าน ภายในวัดภูมินทร์ ไม่ได้รับกระทบ รวมถึงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ที่องค์พระธาตุไม่ได้รับผลกระทบ แต่กำชับให้เจ้าหน้าที่ประสานการทำงานกับจังหวัดและหน่วยงานท้องถิ่นป้องกันติดตามสถานการณ์หากมีมวลน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างใกล้ชิด

ส่วนพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่จะมีน้ำไหลลงมาหลังจากนี้ กำชับให้เตรียมพร้อมตามมาตรฐานป้องกันอุทกภัย เช่นเดียวกับวัดไชยวัฒนารามจัดทำพนังกั้นน้ำ วางกระสอบทราย และเครื่องสูบน้ำในจุดที่มีความเสี่ยง สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น เตรียมงบฉุกเฉินสำรองในการบูรณะซ่อมแซมโดยเร็ว

ด้านนายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่พบว่าน้ำอยู่ในระดับทรงตัว โดยที่โบราณสถานวัดภูมินทร์ ภาพจิตรกรรมไม่ได้รับผลกระทบอีกทั้งยังซ่อมแซมและผนึกภาพไว้แล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ที่น่าห่วงคือกรณีน้ำที่ซึมลงใต้ดิน จะเป็นปัจจัยเร่งทำให้องค์พระประธานจตุรทิศ ที่ก่อนหน้าที่มีผิวทองระเบิดเป็นรอยแยกความชื้นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดความเสียหาย

นอกจากนี้ ยังสำรวจพบน้ำท่วมโบราณสถานวัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา ที่มีจิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารไทลื้อ หนานบัวผัน เบื้องต้นภาพจิตรกรรมยังไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังบูรณะเสริมความมั่นคงและผนึกภาพจิตรกรรมตามหลักการบูรณะของกรมศิลปากรไว้แล้ว ซึ่งหลังจากน้ำลดเจ้าหน้าที่จะเข้าไปสำรวจความเสียหายอีกครั้ง

ขอบคุณภาพ : FB Tantrakool Nutthawut