วันที่ 22 สิงหาคม 2567 เวลา 04:22 น.
ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เผยฝ่ายปกครองเกาะพะงัน บูรณาการทีม ตม.สุราษฎร์ จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบเปิดร้านจำหน่ายสินค้าหนีภาษี และหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย
(21 ส.ค. 67) นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยถึงการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายในการจัดระเบียบสังคมเพื่อเสริมสร้างความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคมอันจะนำมาซึ่งความสุขของประชาชน ตลอดจนเป็นภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีชื่อเสียงระดับโลก คือ อำเภอเกาะสมุย และอำเภอเกาะพะงัน
“เมื่อวานนี้ (20 ส.ค. 67) ช่วงเวลา 13.00 น. ชุดจับกุมภายใต้การบูรณาการของนายนภดล ขาวมะลิ นายอำเภอเกาะพะงัน พันตำรวจเอก นฤวัต พุทธวิโร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี และพันตำรวจโทหญิง สงวนทรัพย์ ลาภสนอง สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน นำโดย นายอัครพล พูลผล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำโดย ร้อยตำรวจเอก สิริวัฒน์ สมหวัง รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ชป.4 (พะงัน) ภายหลังจากได้รับแจ้งจากสายลับว่า “มีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบเปิดร้านจำหน่ายสินค้าหนีภาษีจากประเทศเมียนมา ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี” นายเจษฎา กล่าวในช่วงต้น
นายเจษฎา กล่าวต่ออีกว่า โดยทันทีที่ชุดจับกุมได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบร้านขายของชำ เลขที่ 38/7 หมู่ที่ 8 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 3 ราย คือ 1. MS.AYE AE KHAING OO อายุ 37 ปี 2. MR.SOE MIN NAING อายุ 27 ปี และ 3. MR.PHYO WAI SOE อายุ 28 ปี พร้อมด้วยของกลาง เงินสด จำนวน 11,100 บาท บุหรี่ ยี่ห้อ ATLANTA จำนวน 267 ซอง บุหรี่ ยี่ห้อ PREMIUM GOLD จำนวน 160 ซอง บุหรี่ ยี่ห้อ RED RUBY จำนวน 20 ซอง และบุหรี่มวนพม่า จำนวน 140 ถุง 7,750 มวน รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ที่นำเข้าจากประเทศเมียนมา เช่น ขนมขบเคี้ยว ปลากระป๋อง กาแฟ นม แป้ง ข้าวโอ๊ด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวม 89 รายการ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต (ร้านค้าปลีกสินค้า), เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้(ขายของหน้าร้าน), ช่วยจำหน่าย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร, มีไว้เพื่อขายซึ่งยาเส้นหรือยาสูบ(บุหรี่ต่างประเทศ) ที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ และให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงาน นอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้(ขายของหน้าร้าน) และยังพบว่า ผู้ถูกจับกุมรายที่ 3. เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับทั้งสามให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวผู้ถูกจับกุมพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเกาะพะงัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายเจษฎา กล่าวในช่วงท้ายว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่เป็นจุดหมายสำคัญในด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจากภูมิภาคต่าง ๆ นิยมเดินทางมาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่และประเทศไทยอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความสุขของประชาชนและนักท่องเที่ยว นั่นคือ “การมีพื้นที่ที่ปลอดภัย มีสินค้าที่มีคุณภาพ และไม่ละเมิดกฎหมาย” โดยเฉพาะบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะต้องปฏิบัติตนตามระเบียบกฎหมายที่กำหนด ดังนั้น จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยทีมบูรณาการของจังหวัด และทีมบูรณาการของอำเภอ ภายใต้การนำของนายอำเภอทั้ง 19 อำเภอ มุ่งมั่นในการบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ศุลกากร ตลอดจนทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างความสงบสุข และความปลอดภัย ความมั่นใจของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อทำให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี และประเทศไทยเป็นพื้นที่แห่งความสุข ไม่ต้องหวาดระแวงกับความปลอดภัย หรือการกระทำผิดกฎหมาย โดยหากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำความผิดทุกประเภท ขอให้ได้แจ้งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป