ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลง “ตำรวจ 191” ทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้า ลอบขายผ่านออนไลน์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่ แพร่รระบาดในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และปัจจุบันมีการลักลอบจำหน่ายในหลากหลายช่องทาง “นายกรัฐมนตรี” นายเศรษฐา ทวีสิน มอบหมายให้ นายสมศักดิ์  เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีนายกองตรี ดร.ธนกฤต  จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานคณะทำงานบูรณาการเพื่อปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเร่งรัดคดียาสูบฯ และ ผู้แทน ผบ.ตร. ในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ จึงได้กำหนดมาตรการปราบปราม โดยเฉพาะในบริเวณรอบสถานศึกษา แหล่งท่องเที่ยว สถานที่สำคัญ และการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์  และมอบหมายให้ บช.น. สืบสวนจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายช่องทางออนไลน์รายใหญ่ และโกดังเก็บสินค้า เพื่อตัดวงจรการกระจายสินค้า

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ดร.ธนกฤต  จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข , พล.ต.ท.นิรันดร  เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น., พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ., พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.สปพ. แถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าช่องทางออนไลน์ 2 ราย พร้อมของกลาง 24,544 ชิ้น มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท โดยผู้กระทำผิดทั้ง 2 รายได้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบ  ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ที่ใช้ชื่อว่า “33VAPE”                      

ตำรวจ บก.สปพ. ได้สืบสวนจนทราบแหล่งเก็บสินค้า เป็นบ้านทาวนเฮาส์ ย่านดินแดง กทม. จึงได้เข้าไปตรวจค้น พบว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบ และมีการส่งของให้ลูกค้าที่ติดต่อสั่งซื้อโดยให้รถจักรยานยนต์รับจ้างส่งสินค้า โดยจะบรรจุไว้ในกล่อง และใส่ไว้ในกระสอบสีรุ้งเพื่ออำพราง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุม และเข้าตรวจค้นในบ้านทาวเฮ้าส์ดังกล่าว พบว่ามีการเก็บบุหรี่ไฟฟ้า,หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าวางไว้ชั้นวางของและบริเวณตามพื้นบ้าน ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ผู้ถูกจับรับว่ามีหน้าที่ช่วยกันแพ็คบุหรี่ไฟฟ้า  หัวน้ำยา และอุปกรณ์  ใส่กล่องพัสดุเพื่อนำส่งจำหน่ายให้กับลูกค้า

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิดตามกฎหมาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับช่องทางการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดนั้น  พล.ต.ท.นิรันดร  เหลื่อมศรี  ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เปิดช่องทางการรับแจ้งเบาะแสจากประชาชนที่พบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าผ่านสายด่วน 1599  โดยทุกสายที่มีการร้องเรียนมา  จะสั่งการให้สถานีตำรวจในพื้นที่ และ บก.ปคบ.ต้องลงไปตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมาย  พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจสอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบทุกกรณี