หน้าแรก > ต่างประเทศ

ทีมนักวิจัยจีน ระบุกลไกเบื้องหลัง 'แบคทีเรียก่อโรคอ้วน'

วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 16:12 น.


ปักกิ่ง, 31 ก.ค. (ซินหัว) -- ในชีวิตประจำวันของคนเรา บางคนอาจกินจุแต่ยังดูผอมเพรียว ส่วนบางคนดูจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นง่ายมากและมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนโดยธรรมชาติ
ข้อสังเกตนี้ได้รับการสนับสนุนจากผลการศึกษาล่าสุดจากคณะนักวิจัยชาวจีนที่เผยแพร่ในวารสารเซลล์ โฮสต์ & ไมโครบ (Cell Host & Microbe) ซึ่งเสนอว่าสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังของประเด็นข้างต้นอาจมาจากแบคทีเรียเมกะโมนาส (Megamonas) ซึ่งเป็นวงศ์แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคอ้วน

เมื่อวันจันทร์ (29 ก.ค.) หนังสือพิมพ์ไชน่า ไซแอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี เดลี รายงานว่าทีมนักวิจัยจากโรงพยาบาลรุ่ยจินในเครือคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เจียวทง สถาบันวิจัยจีโนมิกส์ (BGI) และสถาบันวิจัยการแพทย์อัจฉริยะสังกัดสถาบันบีจีไอ ได้ระบุแบคทีเรียที่อาจเป็นต้นตอนำไปสู่โรคอ้วน พร้อมเปิดเผยกลไกเบื้องหลังจากการศึกษาในกลุ่มคนที่มีภาวะน้ำหนักเกินจำนวนมากในจีน

การระบุแบคทีเรีย

การศึกษาหลายฉบับได้เน้นย้ำบทบาทสำคัญของโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ในลำไส้ที่มีต่อโรคอ้วน ทว่าจุลินทรีย์เฉพาะที่มีส่วนก่อให้เกิดโรคอ้วนและกลไกพื้นฐานยังคงไม่มีการระบุแน่ชัด
ทีมวิจัยใช้วิธี shotgun sequencing เพื่อศึกษาสารพันธุกรรมทั้งหมดในตัวอย่างอุจจาระจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นโรคอ้วน 631 คน และกลุ่มควบคุมที่มีน้ำหนักปกติ 374 คน โดยระบุกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีเมกะโมนาสเป็นส่วนใหญ่ในตัวอย่างจากบุคคลที่เป็นโรคอ้วน

นักวิจัยระบุกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีองค์ประกอบของแบคทีเรียคล้ายคลึงกัน 3 กลุ่ม ได้แก่ แบคทีรอยด์ดีส (Bacteroides) พรีโวเทลลา (Prevotella) และเมกะโมนาส จากตัวอย่าง 1,005 รายการ โดยผู้ที่มีแบคทีเรียเมกะโมนาสจำนวนมาก พบว่ามีดัชนีมวลกาย (BMI) และสัดส่วนการเป็นโรคอ้วนมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแบคทีเรียอีกสองประเภท

การวิเคราะห์เพิ่มเติมเผยให้เห็นว่าเมกะโมนาสสามสายพันธุ์ล้วนมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับน้ำหนักตัว เส้นรอบเอว และดัชนีมวลกาย ทีมวิจัยจึงมองว่าแบคทีเรียเมกะโมนาสและโรคอ้วนนั้นเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญ

ความเสี่ยงทางพันธุกรรม

จากผลการค้นพบเกี่ยวกับเมกะโมนาสที่นำไปสู่โรคอ้วน ทีมวิจัยได้ศึกษาเพิ่มเติมถึงผลของเมกะโมนาสซึ่งมีต่อประชากรที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่อโรคอ้วนแตกต่างกัน
การศึกษาพบว่าในประชากรที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่อโรคอ้วนต่ำ แบคทีเรียเมกะโมนาสส่งผลต่อดัชนีมวลกายสูงกว่าในประชากรที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่อโรคอ้วนสูงอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญพบว่าจุลินทรีย์ในลำไส้ระหว่างกลุ่มคนที่เป็นโรคอ้วนและกลุ่มน้ำหนักปกติ มีความแตกต่างชัดเจนมากกว่าในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่อโรคอ้วนต่ำ
กลไกเบื้องหลัง

เพื่อเปิดเผยกลไกเบื้องหลังของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคอ้วน ทีมวิจัยได้ทำการทดลองเพิ่มเติมโดยใช้ต้นแบบหลายชนิด เช่น หนูทดลองปลอดเชื้อจําเพาะ (SPF) หนูปลอดเชื้อโรค (GF) และออร์แกนอยด์ของลำไส้เล็ก โดยใช้ M. rupellensis ซึ่งเป็นตัวแทนสายพันธุ์ของแบคทีเรียเมกะโมนาส มาใช้เป็นอาหารทดลอง

การทดลองในสัตว์เผยให้เห็นว่า M. rupellensis ไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อน้ำหนักตัวของหนูทดลองปลอดเชื้อจําเพาะที่ได้รับอาหารปกติ แต่กระตุ้นให้หนูทดลองชนิดเดียวกันที่ได้รับอาหารไขมันสูง มีน้ำหนักและสะสมไขมันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนในหนูปลอดเชื้อโรคที่ได้รับอาหารไขมันสูง M. rupellensis เพิ่มน้ำหนักตัวของหนูอย่างมีนัยสำคัญ และส่งเสริมการขนส่งกรดไขมันในลำไส้และการดูดซึมไขมันอย่างชัดเจน

ทีมนักวิจัยได้พิสูจน์ศักยภาพของ M. rupellensis ในการย่อยสลายอิโนซิทอล (Inositol) ทั้งในหลอดทดลองและในร่างกาย โดยอิโนซิทอลสามารถยับยั้งประสิทธิภาพในการขนส่งกรดไขมันได้ ซึ่งสะท้อนว่าผลลัพธ์ของ M. rupellensis ในการก่อโรคอ้วนนั้นอาจเชื่อมโยงกับการย่อยสลายอิโนซิทอล

หยางฟางหมิง นักวิจัยจากสถาบันวิจัยจีโนมิกส์ กล่าวว่าการศึกษานี้เผยความเชื่อมโยงใกล้ชิดระหว่างแบคทีเรียเมกะโมนาสและการเกิดโรคอ้วน และชี้แจงกลไกที่แบคทีเรียชนิดนี้กระตุ้นให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งคาดว่าการศึกษาดังกล่าวจะมีส่วนสนับสนุนการวินิจฉัยและการรักษาโรคอ้วนในอนาคต
 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม