หน้าแรก > สังคม

นายกฯ มอบโอวาททัพนักกีฬาไทย ก่อนลุยศึกโอลิมปิกเกมส์ ที่ฝรั่งเศส

วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 เวลา 14:43 น.


นายกรัฐมนตรี มอบโอวาททัพนักกีฬาไทยก่อนไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ส่งแรงใจแรงเชียร์ ให้นักกีฬาทุกคนเต็มที่ในทุกแมตช์ ให้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

วันนี้ (8 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีมอบโอวาทให้แก่คณะเจ้าหน้าที่และผู้แทนนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้บริหารสมาคมฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีกล่าวในนามรัฐบาล ต้อนรับคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้บริหารสมาคมฯ นักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมชื่นชมและแสดงความยินดีกับสมาคมฯ รวมทั้งนักกีฬาทุกคนที่สามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมใน 17 ชนิดกีฬาและผ่านการคัดเลือกไปร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส และการที่นักกีฬาทั้ง 17 ชนิดกีฬาได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในนามทีมชาติไทยครั้งนี้ เป็นผลมาจากสนับสนุนของสมาคมฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง และจากการที่นักกีฬาทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเทในการฝึกซ้อมและการแข่งขัน ความขยันหมั่นเพียร ความมีวินัย ทำให้สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและมีคะแนนสะสมจนได้รับโควตาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้สำเร็จ ถือว่าสิ่งนี้คือก้าวแห่งชัยชนะของทุก ๆ คน โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมกีฬาของประเทศสู่ระดับสากล พร้อมที่จะผลักดันและสนับสนุนงบประมาณด้านการกีฬาของประเทศ รวมถึงการดูแลนักกีฬาให้มีความมั่นคงทางอาชีพ ทั้งการทำงานประจำและสวัสดิการที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ กล่าวย้ำขอบคุณคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬาฯ ทุกสมาคม รวมทั้งผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ร่วมมือร่วมใจกันอย่างเข้มแข็งในการสนับสนุน ผลักดัน พัฒนาทักษะและเสริมสร้างขีดความสามารถเชิงกีฬาของทัพนักกีฬาทีมชาติไทยให้เป็นอีกก้าวหนึ่งของประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกีฬาระดับโลก โดยนายกฯ ขอส่งแรงใจแรงเชียร์และขอเป็นพลังใจให้นักกีฬาทุกคนใช้ความสามารถให้เต็มที่ในทุก ๆ แมตช์การแข่งขัน ให้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เคารพในกฎกติกา มารยาท ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และระลึกเสมอว่าการแข่งขันกีฬาเป็นการสร้างมิตรภาพและสัมพันธภาพที่ดีระหว่างนักกีฬานานาชาติ อันจะส่งเสริมให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศ และขออวยพรให้นักกีฬาทุกคนประสบความสำเร็จในการแข่งขัน คว้าเหรียญโอลิมปิกมาครอง เพื่อเป็นเหรียญแห่งประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่สร้างชื่อเสียง ความภาคภูมิใจให้แก่ตนเอง พี่น้องประชาชนชาวไทยและเพิ่มพูนเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 อีกครั้ง และขอให้ทุกคนเดินทางไป-กลับโดยสวัสดิภาพ

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ถ่ายภาพร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้บริหารสมาคมฯ คณะเจ้าหน้าที่และผู้แทนนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก พร้อมพูดคุยกับผู้บริหารสมาคมฯ เจ้าหน้าที่และผู้แทนนักกีฬาอย่างเป็นกันเอง โดยนายกฯ ได้วัดส่วนสูงกับ “หยู” นายบัลลังก์ ทับทิมแดง นักกีฬาเทควันโดทีมชาติที่มีส่วนสูงถึง 193 เซนติเมตร และพูดคุยกับ “น้องเอสที” เด็กหญิงวารีรยา สุขเกษม นักกีฬาสเกตบอร์ดทีมชาติไทย ซึ่งเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยที่อายุน้อยที่สุดในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ด้วย

“ภายหลังการมอบโอวาทให้ทัพนักกีฬาไทย ท่านนายกฯ ได้โพสต์ X ตอนหนึ่งว่า มั่นใจอยู่แล้วว่า ทุกคนจะเต็มที่ในทุกแมตช์ ดังนั้น ท่านนายกฯ และพี่น้องประชาชนชาวไทยจะส่งแรงใจ แรงเชียร์ให้เสมอ วันนี้รัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณด้านการกีฬาของประเทศ รวมถึงมีนโยบายดูแลนักกีฬาให้มีความมั่นคงทางอาชีพ ซึ่งไม่ใช่แค่นักกีฬาที่ไปโอลิมปิก แต่หมายถึงนักกีฬาทุกคนโอลิมปิก คือ การแข่งขันกีฬาที่สำคัญที่สุดของโลก และจะเป็นช่วงเวลาของสันติภาพ ความปรองดอง และความสามัคคี เราจะสนับสนุนความคิดของประธานาธิบดีมาครง ของประเทศฝรั่งเศส ที่จะพักรบ (Truce) ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกด้วย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำ

สำหรับการแข่งขัน Olympics Paris 2024 ครั้งที่ 33 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ประเทศไทยมีจำนวนนักกีฬามากที่สุดในอาเซียน โดยมีนักกีฬาไทยที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 51 คน ใน 17 ชนิดกีฬา ดังนี้ 1. เทควันโด จำนวน 3 คน 2. จักรยาน จำนวน 4 คน 3. ยิงปืน จำนวน 3 คน 4. ขี่ม้า จำนวน 1 คน 5. แบดมินตัน จำนวน 9 คน 6. ยกน้ำหนัก จำนวน 4 คน 7. ปัญจกีฬาสมัยใหม่ จำนวน 1 คน 8. เรือพาย จำนวน 1 คน 9. มวยสากลสมัครเล่น จำนวน 8 คน 10. กอล์ฟ จำนวน 4 คน 11. เรือใบ จำนวน 2 คน 12. ไคท์บอร์ด จำนวน 2 คน 13. เทเบิลเทนนิส จำนวน 3 คน 14. เอ็กซ์ตรีม จำนวน 1 คน 15. ว่ายน้ำ จำนวน 2 คน 16. ยูโด จำนวน 1 คน และ 17. กรีฑา จำนวน 2 คน สำหรับรางวัลที่นักกีฬาจะได้รับจากภาครัฐจำแนกได้ 2 แบบ คือ 1) จ่ายทีเดียว แบ่งเป็น เหรียญทองได้รับ 10 ล้านบาท เหรียญเงินได้รับ 6 ล้านบาท และเหรียญทองแดงได้รับ 4 ล้านบาท 2) แบ่งจ่าย (เงินก้อน 50% ที่เหลืออีก 50 % แบ่งจ่ายรายเดือน 4 ปี) ดังนี้ เหรียญทองได้รับ 12 ล้านบาท เหรียญเงินได้รับ 7.2 ล้านบาท และเหรียญทองแดงได้รับ 4.8 ล้านบาท

ข่าวยอดนิยม