หน้าแรก > การเมือง

เพื่อไทย ป้อง ชาญ ชี้ ต้องให้ศาลสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ไม่ใช่หยุดตามความเห็นกฤษฎีกา

วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 11:08 น.


วันที่ 2 ก.ค.67 เมื่อเวลา 09.05 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเปิดเผยข้อมูล นายชาญ พวงเพ็ชร ผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี ของพรรคเพื่อไทย ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ประทับรับฟ้องในคดีถุงยังชีพ ทำให้ต้องถูกหยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ว่า กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ และมีการประทับรับฟ้องแล้วนั้น ขณะนั้นนายชาญไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ศาลจึงไม่ได้มีคำสั่งอะไรออกมา ถือว่าจบไป ส่วนหนังสือเวียนของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ออกมานั้น ถือเป็นเพียงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา อย่างไรก็ตาม การที่นายชาญจะต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ต้องศาลสั่งเท่านั้น มันไม่ได้เป็นไปตามอัตโนมัติอย่างที่กังวลใจกันอยู่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ เป็นสถานการณ์ใหม่ในการดำเนินการ

"ดังนั้น นายชาญก็ยังมีสิทธิ์ เพราะตอนสมัครยังไม่ขาดคุณสมบัติ ตอนนี้ยังสามารถปฎิบัติหน้าที่ได้ จึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ต้องปล่อยให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันยังไม่มีข้อกฎหมายใดบังคับ ห้าม และยังไม่มีการสั่งจากศาลที่มีผลต่อการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของศาล"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. ยังไม่ชี้ชัดพอใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังหรอก เพราะศาลยังไม่มีคำสั่งว่านายชาญผิด แค่รับเรื่องมาพิจารณา ดังนั้น ถือว่ายังอยู่ในกระบวนการ หากศาลมีคำสั่งชัดเจนว่าผิดก็จะถือว่าจบ ยังไม่ชัดเจน และตามกระบวนการยุติธรรมเท่าที่ดูหลายเรื่องยังไม่ชัดเจน จึงขึ้นอยู่กับอำนาจศาลที่จะตัดสินใจ วันนี้เพียงประทับรับฟ้อง คือ ปล่อยให้จำเลยมีสิทธิ์ต่อสู้ และตามกระบวนการยุติธรรม ใครที่ถูกดำเนินคดี กฎหมายยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องมีการพิสูจน์ทราบชัดเจนว่ามีความผิดก่อน

"เรื่องนี้อย่าเพิ่งไปกังวลใจ หรือไปคิดไกล ต้องอยู่ที่ความเป็นจริงและดุลยพินิจของศาลที่จะพิจารณา ส่วนความเห็นที่ระบุว่าหากกลับเข้ามาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เป็นความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ผลที่สุดอย่างไรต้องให้ศาลสั่ง ไม่ใช่คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกอย่างนั้นอย่างนี้แล้วทุกคนต้องดำเนินการ ต้องดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมีหลายเรื่องที่เป็นความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ ดังนั้น จึงเป็นดุลยพินิจที่เราไม่ควรไปก้าวล่วง"

เมื่อถามย้ำว่า ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ออกมา ยังยึดถือไม่ได้ ต้องรอกระบวนการใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดเช่นนั้น กระบวนการที่มีการถามคณะกรรมการกฤษฎีกาเกิดขึ้นในช่วงยุคสมัยหนึ่ง และกระบวนการนั้นไม่ได้ครบถ้วนตามกฎหมาย อีกทั้งนายชาญไม่ได้อยู่ในวิถีที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะตอนนั้นเขาไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ เรื่องดังกล่าวจึงต้องจบตรงนั้น

ส่วนกระบวนการในตอนนี้ กกต.พิจารณาแล้วว่าคุณสมบัติไม่ขัด เพราะยังไม่ใช่ผู้ที่ถูกตัดสินแล้วว่าผิด และที่บอกว่าจำเป็นต้องออกเพราะสร้างความเสียหายนั้น เขาไม่จำเป็นต้องออกก็ได้ เพราะเขาเชื่อในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ตรงนี้เราอย่าไปวินิจฉัยแทน ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ถึงที่สุดค่อยมาว่ากัน

ข่าวยอดนิยม