หน้าแรก > การเมือง

'สุเทพ' กับเเกนนำ-แนวร่วม กปปส.เข้าฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดี ชัตดาวน์กรุงเทพฯ เมื่อปี 2556-2557

วันที่ 27 มิถุนายน 2567 เวลา 11:29 น.


วันนี้ 27 มิ.ย.67 ศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีกบฏ กปปส.ชุดใหญ่ สำนวนหลักหมายเลขดำอ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส.รวม 39 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ

โดยคดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 - 1 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพ เป็นเลขาธิการ

โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ 

โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส.

จากนั้นจะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค. - 2 มี.ค. 2557 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน

นายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว ต่อมาวันที่ 24 ก.พ. 2564 ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกจำเลยรายสำคัญ โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ในส่วนความผิดฐานกบฏและก่อการร้าย พฤติการณ์ชุมนุมไม่มีการใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลใด เพื่อล้มล้างการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ นิติบัญญัติ อำนาจบริหาร จึงไม่เป็นความผิดฐานกบฏ และก่อการร้าย เเต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และจำเลยอื่นรวม 26 คน 

ศาลตัดสินจำคุกในความผิดฐานยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา, ร่วมกันมั่วสุม 10 คนขึ้นไป, ร่วมกันบุกรุกสำนักงานผู้อื่นในเวลากลางคืน, ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

โดยพิพากษาจำคุกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเวลา 5 ปี จำคุกนายชุมพล จุลใส เป็นเวลา 9 ปี 24 เดือน จำคุกนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นเวลา 7 ปี จำคุกนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 6 ปี 16 เดือน จำคุกนายอิสสระ สมชัย 7 ปี 16 เดือนจำคุกนายถาวร เสนเนียม 5 ปี จำคุกนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ 4 ปี 8 เดือน และจำคุก เรือตรีแซมดินเลิศบุศย์ 4 ปี 16 เดือน รวมทั้งสิ้น 8 คน

จำเลยที่เหลือ ศาลเห็นว่า เป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุม หรือบางคนเป็นแกนนำ แต่กระทำความผิดน้อยกว่าบุคคลอื่น และไม่เคยปรากฏพฤติการณ์รุนแรง และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ควรให้โอกาสปรับตัวเป็นคนดี จึงให้รอการลงโทษ 2 ปี ให้เพิกถอนสิทธิทางการเมือง นายชุมพล จุลใส ส.ส.พรรรคประชาธิปัตย์, นายอิสสระ สมชัย ส.ส.พรรรคประชาธิปัตย์และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ, เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์, นายสำราญ รอดเพชร และ นางทยา ทีปสุวรรณ คนละ 5 ปี ต่อมาอัยการโจทก์และจำเลย ยื่นอุทธรณ์

โดยในวันนี้นายสุเทพ พร้อมเเกนนำ กปปส.ทยอยเดินทางมาศาลโดยมีมวลมามอบดอกไม้ให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง นายสุเทพ เปิดเผยก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ระบุว่า ไม่กังวล ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมน้อมรับ ในคำพิพากษาฬาลชั้นต้นที่ตนเองถูกสั่งจำคุก ก็ได้เข้าไปนอนเรือนจำ 2 คืนก่อนได้รับการประกันตัวออกมาหากคราวนี้ถูกสั่งจำคุกอีก ก็เตรียมเสื้อผ้าชุดกางเกงขาสั้นมาไว้พร้อมแล้ว พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณมวลชนที่ยังคงให้กำลังใจมาจนถึงทุกวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อจำเลยทั้งหมดในคดี กปปส ชุดใหญ่ในวันนี้ 39 รายประกอบด้วย 
1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 
2.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 
3.นายชุมพล จุลใส 4
.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 
5.นายอิสสระสมชัย 6
.นายวิทยา แก้วภราดัย 
7.นายถาวร เสนเนียม 
8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 
9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 
11.พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 
12.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 
13.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์
14.นายถนอม อ่อนเกตุพล 
15.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 
16.พระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ 
17.นายสาธิตเซกัลป์ 
18.นางสาวรังสิมา รอดรัศมี 
19.พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี 
20. พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ
21.นายแก้วสรร อติโพธิ 
22.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 
23.นายถวิล เปลี่ยนศรี 
24. เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์
25.นายมั่นแม่น กะการดี 
26.นายคมสัน ทองศิริ 
27.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ 
28.นายนายพิภพ ธงไชย 
29.นายสาวิทย์ แก้วหวาน 
30.นายสุริยะใส กตะศิลา 
31.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด 
32.พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์
33.นายสำราญรอดเพชร
34.นายอมร อมรรัตนานนท์ 
35.นายพิเชษฐ พัฒนโชติ 
36. นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 
37.นายกิตติชัย ใสสะอาด 
38.นางทยา ทีปสุวรรณ และ 39.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม