ในทศวรรษปัจจุบัน หากเอ่ยถึงภาคธุรกิจ นอกเหนือจากความจำเป็นในการดำเนินกิจการอย่างมีบรรษัทภิบาลและโปร่งใส ร่วมกับการสร้างผลกำไรแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกหนึ่งสิ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อภาคธุรกิจคือเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญต่อการกำหนดนโยบายและแผนในการดำเนินงาน เช่นเดียวกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM  ผู้ให้บริการทางพิเศษ และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ที่ให้ความสำคัญต่อการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเสมอมา ผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวด้วยระบบขนส่งมวลชน ไปยังสถานที่สำคัญรอบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน พร้อมยกระดับและผลักดันให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวตัวอย่าง รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ เพิ่มรายได้สู่ชุมชน เพื่อสร้างการเติบโตที่ทั่วถึง สมดุล และยั่งยืน

กลายเป็นที่มาของโครงการ  ‘Happy Journey with BEM’ ในปี พ.ศ. 2565 ต่อเนื่องด้วย ‘Happy Journey with BEM 2023’ Art Journey จนต่อยอดมาถึง ‘Happy Journey with BEM 2024’ ที่ขยายการมอบความสุขสู่อีเวนต์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของเมืองไทย กับตอน มรดกสยาม ๓ สมัย จากการร่วมมือของ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM กับ กระทรวงวัฒนธรรม, กรมศิลปากร, สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร รวมถึงหน่วยงานผู้สนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง อย่าง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พาประชาชนย้อนรอยประวัติศาสตร์ไทย ตั้งแต่สมัยทวารวดี สุโขทัย และอยุธยา ตามล่าหาเมนูอาหารย้อนยุค เพลิดเพลินไปกับหนังสือเชิงประวัติศาสตร์ และตื่นตาตื่นใจไปกับศิลปะการแสดงชั้นสูงที่หาชมยากอย่าง ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 - 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

เจาะ 3 จุดเด่น ที่สร้างผลเชิงบวกต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น กิจกรรมนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนผ่านการขายสินค้า อาทิ อาหารท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ จากร้านค้าในชุมชนใกล้เคียง นอกจากนี้ การจัดงานยังเป็นอีกหนึ่งในแนวทางการสร้างงานสร้างรายได้สู่ชุมชน ไม่ว่าจะเป็น พนักงานรถรับส่ง พ่อค้าแม่ค้า พนักงานบริการตามจุดต่างๆ ตลอดจนนักแสดงบนเวทีกิจกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้ แต่ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือในท้องถิ่น เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนอย่างยั่งยืน

อนุรักษ์และเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทย หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานนี้ คือการที่ได้เหล่าวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญแบบเจาะลึก ได้เข้ามาให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ผ่านกิจกรรม History Trips  เดินทางย้อนเวลา 3 ยุค การเปิดเวทีให้ประชาชนได้ตื่นตาตื่นใจไปกับศิลปะการแสดงชั้นสูง ที่รับอิทธิพลมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็น โขนโรงในราชสำนัก นาฏศิลป์ชั้นสูงที่เก่าแก่ของไทย มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไฮไลต์เด็ด คือ โขนโรงในราชสำนัก ชุดรามเกียรติ์ ตอน นางสำมนักขาก่อศึก นอกจากนี้ยังมีการแสดงโขนเด็กที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง  

ส่งต่อโมเดลอีเวนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม เนื่องด้วย BEM ให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมเสมอมา ภายในงานจึงได้ปรับเปลี่ยนแนวการทำงาน โดยเริ่มตั้งแต่การประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานเลือกใช้ระบบการขนส่งด้วยรถไฟฟ้า MRT และจัดเตรียมรถบัสพลังงานไฟฟ้ารับส่งมายังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  ลดการใช้กระดาษผ่านการลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อเป็นการลดการใช้ทรัพยากร เลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่สามารถรีไซเคิลได้ และของที่ระลึกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการนำมาใช้ซ้ำเพื่อลดการใช้พลาสติกอีกด้วย   

ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จของโครงการ 'Happy Journey with BEM 2024 มรดกสยาม 3 สมัย' แต่สิ่งที่มากกว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้เข้าร่วมงาน คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวไทยในภาพที่ใหญ่ขึ้น เพราะ ‘Happy Journey with BEM’ ได้กลายมาเป็นเส้นทางต้นแบบ ที่ใครๆ ก็สามารถตามรอยได้ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่อยู่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้า MRT และเชื่อมั่นว่างานนี้จะกลายเป็นหนึ่งในโมเดลตัวอย่างของการนำเอากิจกรรมทางวัฒนธรรมกลับมาใช้ เพื่อการพัฒนาชุมชนในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สร้างประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันล้ำค่า และเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนร่วมกันอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมไทยให้ยืนยาวสืบไป