วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 10:42 น.
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม แนะนำวิธีขับรถอย่างปลอดภัยบนทางพิเศษในฤดูฝน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากถนนเปียก ลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ดังนี้
-เตรียมสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทาง ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบระบบสัญญาณไฟของรถให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี และตรวจสอบอุปกรณ์ใบปัดน้ำฝนให้สามารถปัดน้ำฝนได้สะอาด หมั่นเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำอยู่เสมอ เลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีดอกยางละเอียด และเติมลมยางให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2 - 3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ยางมีกำลังในการรีดน้ำดียิ่งขึ้น ตลอดจนตรวจสอบผ้าเบรกให้สามารถใช้งานได้ดี หากเบรกแล้วรถมีอาการปัดให้เปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ทันที
-เปิดไฟหน้าและหลังรถ เนื่องจากสภาพอากาศมืดครึ้มในช่วงที่ฝนตกหนัก ทำให้ผู้ขับขี่มองทางไม่ชัดเจน การเปิดไฟหน้าและตรวจไฟหลังรถให้อยู่ในสภาพใช้งานจะทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางดีขึ้น และช่วยให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้ชัดเจนขึ้นด้วย
-ลดความเร็ว จากการศึกษาพบว่า ช่วงที่ฝนตก 10 นาทีแรก เป็นช่วงที่รถมีโอกาสลื่นไถลมากที่สุด เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบดินและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนน มีลักษณะคล้ายการละเลงโคลน การลดความเร็วของรถจึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งระดับความเร็วที่ทำให้รถไม่เกิดการลื่นไถล คือ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
-หลีกเลี่ยงการเหยียบเบรกแรง ๆ หรือการเบรกกะทันหัน การค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนักเหยียบเบรก เพื่อชะลอความเร็ว เป็นวิธีการขับขี่ที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากการเหยียบเบรกอย่างรุนแรงจะทำให้รถลื่นไถลได้
-หลีกเลี่ยงการขับรถลุยแอ่งน้ำ หากพบเห็นแอ่งน้ำอยู่ข้างหน้าควรชะลอความเร็ว ห้ามเหยียบคันเร่งหรือเบรกขณะขับรถผ่านแอ่งน้ำเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถสูญเสียการควบคุม
-ไม่ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ทำให้ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น ผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าการขับขี่ในช่วงปกติ 10 - 15 เมตร เพื่อให้สามารถหยุดรถได้ทัน
-ขณะขับรถแล้วรถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะจะทำให้รถพลิกคว่ำ ให้แก้ไขด้วยการถอนคันเร่ง ควบคุมพวงมาลัยให้มั่นคง และพยายามลดความเร็วโดยใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะทรงตัวได้แล้วจึงเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
กรณีที่ไม่ได้รับความสะดวก มีเหตุขัดข้อง หรือต้องการความช่วยเหลือขณะใช้บริการทางพิเศษ สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center โทรศัพท์ 1543 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินที่ติดตั้งอยู่บนทางพิเศษทุกระยะ 500 - 1,000 เมตร แจ้งเหตุได้เช่นกัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน