วันที่ 14 มิถุนายน 2567 เวลา 05:26 น.
ทลายเครือข่ายนมผงเวียดนาม อ้างสรรพคุณลวงโลก มูลค่ากว่า 18 ล้านบาท
วันที่ 13 มิถุนายน 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ กรณีกวาดล้างเครือข่ายนายทุนชาวเวียดนาม โฆษณาขายนมผง อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง จับกุมแรงงานต่างด้าว จำนวน 6 ราย พร้อมของกลาง จำนวน 41 รายการ รวมกว่า 20,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 18,000,000 บาท
พฤติการณ์กล่าวคือ ปัจจุบันค่านิยมผู้บริโภคได้สนใจสุขภาพมากขึ้น ผลิตภัณฑ์สุขภาพจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของการดูแลสุขภาพ จึงทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการลักลอบนำเข้า, ผลิตภัณฑ์สุขภาพปลอมที่ด้อยคุณภาพในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเมื่อประมาณ เดือนพฤศจิกายน 2566 กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้มีการมีการกวาดล้างเครือข่ายกลุ่มผู้กระทำความผิดชาวเวียดนามที่โฆษณาสรรพคุณนมผงเกินจริง และมีมาตรการในการเฝ้าระวังการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพในลักษณะเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น การอวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรคและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางร่างกายในระยะเวลาสั้นๆ แอบอ้างใช้ภาพ-ชื่อบุคลากรทางการแพทย์ บุคคลที่มีชื่อเสียง นำมาตัดต่อ สร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้า อ้างว่าผลิตภัณฑ์มีผลวิจัยจากต่างประเทศรองรับ ฯลฯ แล้วขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐาน โดยเมื่อผู้บริโภคหลงเชื่อซื้อสินค้า ปรากฏว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง บางรายเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ และไม่สามารถขอคืนเงินได้
ต่อมา กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก อย. จึงได้ทำการสืบสวนพบมีเว็บไซต์ที่มีการตัดต่อภาพ วีดิโอเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ และปรากฎมีการโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นวงกว้าง มีเนื้อหาที่มีการบรรยายสรรพคุณผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จ จำนวน 11 เว็บไซต์
จากการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่า มีการโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับผู้มีภาวะโรคที่ต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ ผู้สูงอายุ และเด็ก โดยโอ้อวดสรรพคุณนมที่เกินจริง เช่น เมื่อบริโภคผลิตภัณฑ์แล้ว ส่งผลให้ลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับคงที่ กระตุ้นการทำงานของอินซูลิน ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายมากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ 26 เท่า เสริมสมรรถภาพทางเพศ โดยมีการกล่าวอ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง จาก FDA (องค์การอาหารและยา) สหรัฐอเมริกา นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา และขายดีเป็นอันดับ 1 ในประเทศนิวซีแลนด์ฯ
ซึ่งผลิตภัณฑ์นมผงยี่ห้อหนุ่ง และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมผงดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้มีประกาศผ่านสื่อออนไลน์ ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และโฆษณาสรรพคุณที่เกินจริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบถึงแหล่งจัดเก็บ และกระจายสินค้า โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำหมายค้นของศาลเข้าตรวจค้น โกดังเก็บสินค้า ในพื้นที่ ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหาร, ยา และบรรจุภัณฑ์อื่นๆ รวมจำนวน 41 รายการ จำนวนกว่า 20,000 ชิ้น โดยเป็นผลิตภัณฑ์นมผง ยี่ห้อต่างๆ 12,625 กระปุก, ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับเด็ก จำนวน 1,776 ชิ้น, วิตามินที่ไม่มีเลขสารบบอาหาร 95 ชิ้น, ยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำนวน 3,660 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 18 ล้านบาท พร้อมจับกุมผู้ต้องหา สัญชาติลาว และสัญชาติ เมียนมา รวมจำนวน 6 ราย ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ตรวจยึดเป็นนมผงยี่ห้อต่างๆ และยา รวม 8 ยี่ห้อ ได้แก่
1.ผลิตภัณฑ์ อ้างสรรพคุณ ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
2.ผลิตภัณฑ์ อ้างสรรพคุณ หลังรับประทาน 40 วัน ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ถึง 70 -90 มก. ลดอาการชาแขนขา ตาพร่ามัว และปวดตา
3.ผลิตภัณฑ์ อ้างสรรพคุณ ต้านการอักเสบ ลดอาการปวดกระดูกและข้อ เพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวจากกล้ามเนื้อที่เสียหาย
4.ผลิตภัณฑ์ อ้างสรรพคุณ ช่วยให้เด็ก เพิ่มการดูดซึม เพิ่มน้ำหนักสม่ำเสมอ
ตามมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างภูมิต้านทาน พัฒนาสมอง สติปัญญา และความคล่องตัว
5.ผลิตภัณฑ์ อ้างสรรพคุณปรับปรุงการทำงานของต่อมน้ำนม กระตุ้นให้มีน้ำนมมากขึ้นหลังผ่านไป 24 ชม.
6.ผลิตภัณฑ์ อ้างสรรพคุณ ช่วยให้เด็กสูงขึ้น 3 - 5 เซนติเมตร ภายใน 3 เดือน เสริมสมอง เพิ่มภูมิต้านทาน
7.ผลิตภัณฑ์ นมเพิ่มความสูง อ้างสรรพคุณ เพิ่มความสูง 3-5 ซม. ภายใน 3 เดือน มีสรรพคุณสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป 10 เท่า
8. ผลิตภัณฑ์ยา (เม็ดฟู่), โฆษณาสรรพคุณรักษาอาการปวดเข่า
โดยขณะตรวจค้น พบชาวต่างชาติ ผู้ต้องหา สัญชาติ ลาว และเมียนมา รวม 6 ราย กำลังแพ็คบรรจุผลิตภัณฑ์เพื่อรอจำหน่าย เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบมีเอกสารการเดินทางเข้าออกถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่มีใบอนุญาตการทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี ในข้อหา “1. ร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง, 2. ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, 3. ร่วมกันขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา, 4. เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 5. เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”
จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดมีกลุ่มนายทุนชาวเวียดนาม โดยนำเข้าสินค้ามาจากประเทศเวียดนาม แล้วนำมาเก็บไว้ตามอาคารให้เช่าต่างๆ เพื่อรอการจำหน่าย โดยทำการกระจายโดยการเปิดเว็บไซต์เป็นจำนวนมากเพื่อโฆษณาจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่ต่างประเทศ และหลบเลี่ยงการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยใช้วิธีการชำระเงินค่าสินค้าด้วยการเก็บเงินปลายทางเพื่อป้องกันการถูกตรวจสอบ โดยจะโฆษณาสรรพคุณพร้อมกับเสนอโปรโมชั่นต่างๆ ให้ลูกค้ารีบตัดสินใจซื้อ เช่น ซื้อภายในเวลาโปรโมชั่น หรือซื้อครั้งละจำนวนมากๆ จะได้รับราคาที่ถูกกว่า เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจ จะต้องกรอกข้อมูลชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ลงไปในเว็บไซต์ จากนั้นผู้ขายจะโทรศัพท์ติดต่อกลับมาเพื่อโน้มน้าวสรรพคุณ และให้ลูกค้าซื้อสินค้าปริมาณมากขึ้น อีกทั้งเมื่อได้รับผลิตภัณฑ์แล้ว ประมาณ 2-3 สัปดาห์ จะมีการติดตามสอบถามผลการใช้ผลิตภัณฑ์ และเสนอขายผลิตภัณฑ์ต่อไปอีกด้วย โดยขายกระปุกละ 1,090-1,190 บาท และมียอดขายเดือนละ 3,000 - 6,000 ออเดอร์ เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้า กลุ่มเครือข่ายดังกล่าว จะส่งข้อมูลการสั่งซื้อ ให้ผู้ดูแลโกดังในประเทศไทย ทำการบรรจุ และส่งให้กับลูกค้า โดยกลุ่มเครือข่ายชาวเวียดนามจะสั่งการอยู่ต่างประเทศ และเดินทางมายังประเทศไทยเพียงเดือนละ 1 ครั้ง
ซึ่งกลุ่มนายทุนชาวเวียดนามมีการติดตามสื่อประชาสัมพันธ์ของไทยอยู่ตลอด โดยเมื่อมีการประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์นม ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ มีความเสี่ยง ที่จะสืบสวนพบแหล่งเก็บและกระจายสินค้า จะย้ายแหล่งที่เก็บ และกระจายสินค้า เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เบื้องต้นการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน
1. พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 6 (10) ฐาน “จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง” ระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
2. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
3. พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 72 (4) ฐาน “ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4. พ.ร. บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5. พ.ร.ก.การบริหารจัดการทำงานของบุคคลต่างด้าว พ.ศ. 2560 ฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 -10,000 บาท
6. กรณีการนำเข้าข้อมูลเท็จและโฆษณาสินค้าดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ฐาน "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ" ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน