จากกรณี นายภูริณัฐ หรือ โฟโต้ อายุ 27 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีใช้อาวุธมีดฆ่านายไพศาล อายุ 54 ปี เสียชีวิตในห้องพักคอนโดย่านงามวงศ์วาน ก่อนจะอำพรางศพแล้วหลบหนีไปพร้อมทรัพย์ของผู้เสียชีวิต ก่อนต่อมาจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในเขตอำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 3 มิถุนายน 2567 ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นายกัน จอมพลัง พร้อมด้วยครอบครัวผู้เสียชีวิต และนายพรชัย พ่อของผู้ต้องหา ได้นัดเจรจาเพื่อขอโทษกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และมอบเงินช่วยงานศพจำนวนหนึ่ง โดยมี พ.ต.ต ฐิติปกรณ์ คุ้มปานอินทร์ สว.สอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี และทนายโรส หรือ น.ส.อัศวีร์ อนุวัตน์รุจิกร ทนายฝ่ายครอบครัวผู้เสียชีวิต 
   
โดยบรรยากาศในห้องเจรจา นายพรชัย พ่อของผู้ต้องหา ได้คุกเข่าลงที่พื้น พร้อมยกมือไหว้และกล่าวขอโทษแทนลูกชาย จากนั้นได้ก้มกราบไปที่ นางบรรจง แม่ของผู้เสียชีวิต โดยมีการยื่นซองขาวมอบให้เพื่อร่วมทำบุญงานศพ แต่หลังจากนางบรรจง รับซองไป ทางพี่ชายและหลานของผู้เสียชีวิต มีการนำซองวางลงที่โต๊ะ และพูดคุยกันอยู่ไม่ นานก่อนที่นายพรชัย จะลากลับโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที 
  
นายพรชัย พ่อผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนร่วมทำบุญงานศพ แต่เขาไม่รับ ไม่เป็นไร ส่วนเหตุผลที่เค้าบอกว่าไม่รับซองเพราะอะไร ตนขอไม่พูดดีกว่า วันนี้ตนได้กล่าวขอโทษและแจ้งว่าพรุ่งนี้จะไปร่วมงานศพ ตนได้กราบขอโทษทางแม่ผู้เสียชีวิตไป ตนยื่นซองทำบุญให้แต่เขาไม่รับ ซึ่งทางครอบครัวเค้าให้ไปยื่นพรุ่งนี้ที่วัดใหม่ เพราะตนตั้งใจมาทำบุญ

หลังออกจากห้องเจรจา น.ส.ฝ้าย กล่าวแทนครอบครัวว่า เค้าเข้ามากราบย่า แล้วก็มอบเงินบอกว่าช่วยทำบุญ เป็นเงินช่วยงาน แต่ทางย่าไม่พร้อมที่จะรับ ตนไม่ทราบว่าในนั้นมีเงินเท่าไหร่ แต่มันตีมูลค่าเท่ากับชีวิตอาตนไม่ได้ ในระหว่างที่กลับ ย่าเขาพูดว่าลูกเขาทำไม่ดีเขาขอโทษ เค้ามาแค่เรื่องช่วยเงินทำบุญ ไม่มีพูดอย่างอื่นมีแค่นี้ เพราะทางเราไม่รับเงินเขาก็แสดงกิริยาว่าทำไมทางเราไม่รับ ทางครอบครัวเราไม่พร้อมที่จะรับเงิน ต่อให้เงินมากแค่ไหน ก็เทียบเท่าชีวิตอาตนไม่ได้ คนคนนึงต้องเสียชีวิตไปกับความรู้สึกของย่าตนอีก เค้าไม่ได้พูดเรื่องคดีความและเรื่องเงินเยียวยา เค้าบอกว่าเค้ายังไม่ได้ปรึกษากันเรื่องเงินเยียวยา ที่มาเพื่อเอาเงินมาช่วยทำบุญ จากนั้นเค้าก็ถามว่าวัดตั้งอยู่ตรงไหน และเค้าก็รีบไปธุระ ถ้าเค้าจะไปงานศพทางครอบครัวก็ต้อนรับเหมือนคนที่ไปร่วมงานปกติ

ขณะที่ นายฉัตรชัย พี่ชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เขาพูดเหมือนเขาไม่จริงใจ เหมือนเค้าทำแทนลูกชายเค้าให้มันผ่านผ่านไป ตนเป็นคนที่มีความรู้สึกมีเซนส์ เค้าออกข่าวว่าจะมาเยียวยาแต่เมื่อมาถึงคำว่าเยียวยาไม่ออกจากปากเขา เค้าบอกว่าจะเอาเงินมาทำบุญตนไม่ได้อยากได้เงิน เรื่องนี้มันตีมูลค่าชีวิตน้องตนไม่ได้ พอทางครอบครัวเราไม่รับเขาก็ทำเป็นไม่พอใจ ถ้าคนเค้าคิดดีมันต้องมีความพยายาม คน ประเภทนี้สมควรที่จะให้อภัยไหม สำหรับงานศพสามารถไปร่วมงานได้ ตนไม่ได้เหมือนลูกเค้าที่ฆ่าคนตาย ตนไม่แทงคนตายในวัดอยากไปก็ไป คนเราถ้ามีจิตใต้สำนึกก็ทำตามใจตัวเองที่จะไป คนเราถ้าคิดว่าลูกจะฆ่าตัวตาย เอาไม้หมูปิ้งไปให้ลูกกินทำไม ไม่กลัวลูกแทงตัวเองหรือ เขาโอ๋ลูกเกินไปหรือเปล่า ถ้าไม่จริงใจไม่ต้องมา เดี๋ยวเจอกันเพราะตนเชื่อในทุกๆคนที่ช่วยเหลือครอบครัวตน