วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ตำรวจปราบปรามยาเสพติดสกัดจับผู้ค้ายา​และขยายผลไปจับกุมพร้อมยึดทรัพย์เครือข่ายค้ายาเสพติดได้​ 7 เครือข่าย​ ยึดยาบ้าได้กว่า​ 19 ล้านเม็ด​ ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายที่ลักลอบนำยาเสพติดมาจากพื้นที่สกัดกั้นพิเศษ​ คือ​ จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่​ ขณะเดียวกันนอกจากนำยาเสพติดมาจากแนวชายแดน​ บางเครือข่ายยังว่าจ้างชาวต่างชาติขนโคเคนเข้ามาผ่านทางสายการบิน​ โดยใช้วิธีกลืนลงท้อง​ หวังหลบหลีกการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ​ แต่ก็ไม่รอดถูกจับกุมได้หลังถูกนำตัวเข้าแสกนผ่านเครื่องเอ็กซเรย์​ พบโคเคนห่อหุ้มพลาสติกในลำไส้เกือบ​ 200 ก้อน

โดยยาบ้ากว่า​ 19 ล้านเม็ด​ โคเคนที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสจำนวน​ 192 ก้อน​ น้ำหนักรวม​ 1,155 กิโลกรัม​ เป็นของกลางส่วนหนึ่งที่ยึดได้จากการจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในห้วง​ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมารวม​ 7 เครือข่าย​ ผู้ต้องหา​ 15 คน​ ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายที่ลำเลียงยาเสพติดมาจากแนวชายแดนซึ่งประกาศเป็นที่ควบคุมสกัดกั้นพิเศษ​ คือ​ เชียงราย​ เชียงใหม่​

เครือข่ายแรก​ใช้รถบรรทุก​ 10 ล้อ​ ไปรับยามาจาก​ จ.เชียงราย​ โดยใช้แผ่นยางพาราวางปิดทับอำพรางยาบ้าเอาไว้จำนวน​ 7,750,000 เม็ด​ ซึ่งตำรวจมาสกัดจับได้ขณะขนยาทั้งหมดเข้ามาจอดแวะพักรถอยู่ในลานค้าพืชผลทางการเกษตร​ จ.พิษณุโลก​

เครือข่ายที่​ 2 ถูกจับกุมพร้อมยาบ้า​ 6,000,000 เม็ด​ ใน จ.เชียงราย​ เตรียมนำยาบ้ามาส่งให้กับลูกค้าในภาคกลาง​ เช่นเดียวกับเครือข่าย​ จ.เชียงใหม่​ ที่ถูกจับกุมและยึดยาบ้าได้ก่อนนำส่งให้ลูกค้าจำนวน​ 2,000,000 เม็ด​

นอกจากนี้​ ตำรวจยังจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่ลักลอบขนโคเคนเข้ามาในราชอาณาจักร​ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อมาจำหน่ายภายในประเทศ​ โดยกลืนลงท้องเพื่อหวังหลีกหนีการถูกตรวจค้น​ แต่ผู้ต้องหามีพิรุธจึงถูกนำตัวเข้าเครื่องสแกน​เอกซเรย์​ พบโคเคนอยู่ในลำไส้​ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าจะนำยามากระจายขายตามสถานบันเทิงต่างๆ

พลตำรวจโทคีรีศักดิ์​ ตันตินวะชัย​ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด​ เปิดเผยผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดว่า​ ตำรวจยังขยายผลไปจับกุมยึดทรัพย์เครือข่าย​ K2 หรือเครือข่ายเดียวกับนายหนูเฉิน​ ที่ถูกตำรวจออกหมายจับคดียาเสพติดหลายคดี​ ครั้งนี้ยึดทรัพย์ได้มากกว่า​ 10 ล้านบาท​ ทั้งนี้ ตั้งแต่ยกระดับปราบปรามยาเสพติดให้เข้มงวดขึ้น​ ปีนี้สามารถจับกุมผู้ค้า​ ยึดของกลางได้มากกว่าปีที่ผ่านมา​ โดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยตามชุมชนปีนี้จับเพิ่มได้ร้อยละ​ 40 แต่ถึงจะปราบปรามจับกุมได้มากแต่จำนวนความต้องการยังไม่ลดลง​ โดยเฉพาะในชุมชนที่พบว่าผู้เสพมีอายุน้อยลงหรือในวัยเด็กเยาวชนมีแนวโน้มเข้าถึงยาเสพติดง่ายขึ้น​ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแก้กฎหมายให้โอกาสผู้เสพเป็นผู้ป่วยเข้าสู่การบำบัดไม่ต้องรับโทษ​ รวมไปถึงการถอดกัญชาออกจากยาเสพติดก็มีส่วน​ เพราะกัญชาคือจุดเริ่มต้นที่มาพร้อมกระท่อมทำให้นำไปสู่การเสพตาเสพติดชนิดอื่น​ ดังนั้นตำรวจจึงเห็นด้วยหากรัฐบาลจะประกาศนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดเช่นเดิม​ โดยควบคุมให้ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น