วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 17:13 น.
จากกรณีที่เพจกล้าที่จะก้าว ได้รับการประสานจาก เพจสายไหมต้องรอด กรณีที่ชาวบ้านร้องเรียนเรื่องได้รับความเดือนร้อนจากเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันด้านซ้ายและด้านขวา ส่วนผู้ร้องเป็นบ้านอาศัยที่อยู่ตรงกลาง บ้านหลังซ้ายเลี้ยงสุนัข 4 ตัว และบ้านหลังขวาเลี้ยงสุนัข 3 ตัว ช่วงกลางวันจะเห่ารับกันตลอด ส่วนกลางคืนมีตัวใดเห่าก็ไม่ต้องนอน ซึ่งมีความเดือดร้อนอย่างมากในช่วงเวลพักผ่อน ทางผู้ร้องได้ไปแจ้งความที่ สภ.บางศรีเมือง และ เทศบาลเมืองไทรม้า จ.นนทบุรี แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด จนต้องเป็นคนติดยานอนหลับ ถ้าไม่กินก็จะนอนไม่ได้เลย
คืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะด้าว เดินทางเข้าพบ นางสุภาศรี อายุ 58 ปี รับทำบัญชีที่บ้าน นายไพรัช อายุ 63 ปี ทำธุรกิจส่วนตัว และนายต้น (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ลูกชาย อาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมืองนนทบุรี เดินทางเข้าพบ นายจักรพันธ์ ระงับ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนพร้อมนำหลักฐานทั้งหมดมอบให้เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย
โดยล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ผู้ร้องได้ถ่ายคลิปวิดีโอจากภายในรั้วบ้านไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมล่าสุด ซึ่งสุนัขของเพื่อนบ้านยังคงเห่าเสียงดัง ต่อมาประมาณ 12.00 น. นายกเทศมนตรีเมืองไทรม้าพร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ ตั้งแต่นั้นไม่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าอีกเลยจนปัจจุบัน ซึ่งบงบอกว่าสุนัขสามารถควบคุมดูแลได้
นางสุภาศรี อายุ 58 ปี กล่าวว่า วันนี้ตนนำหลักฐานทั้งหมดที่มีมาร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้ดำเนินการตามกฏกมายต่อเจ้าของหมา เนื่องจากตนและครอบครัวต้องทนกับสภาพแบบนี้มานับ 10 ปี โดยที่เพื่อนบ้านขาดความรับผิดชอบต่อสุนัขของเขา จากหลักฐานที่นำมามอบให้เพิ่มเติมว่าหลังจากเทศบาลลงพื้นที่และเป็นข่าวไป เขาสามารถดูแลสุนัขให้หยุดเห่าได้ แต่เขาไม่ทำปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้มาตลอด 10 ปี ร้องเรียนนิติบุคคล ร้องเรียนเทศบาล ก็เงียบไปได้พักเดียว ตนจึงต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนิตการตามกฏหมาย ต่างกรรมต่างวาระ เพราะตนมีวันและเวลาที่สุนัขเห่าเก็บไว้เป็นหลักฐานตลอด เรื่องโทษติดคุกคงไม่ถึงขั้นนั้น แต่โทษปรับต้องมี ถ้าเขาเห็นว่าเรื่องนึ้เขามีเงินพอที่จะจ่ายก็ให้จ่ายไปตามครั้งที่ปรากฏในหลักฐาน ตนทนมามากพอแล้ว ขอทำอะไรเพื่อลูกและครอบครัวตนบ้าง
ด้านลูกชาย กล่าวว่า นอกจากเรื่องเสียง ยังมีเรื่องอุจจาระสุนัขที่เขาเก็บมารวมใส่ถังไว้ที่หน้าบ้าน เมื่อฝนตก ก็จะส่งกลิ่นเหม็น บางทีเขาก็เอาน้ำฉีดอุจจาระ ทำให้มันกระจายและส่งกลิ่น นอกจากนี้เพื่อบ้านยังอ้างอีกว่าสุนัขเห่าเสียงไม่เกินกฏหมายกำหนดตามเดซิเบล ตนว่าเขามองผิดมุม เพราะที่สำคัญคือมันดังวันละกี่ครั้ง ครั้งหนึ่งนานเท่าไหร่ และเห่าตอนกี่โมง เพราะเวลาที่เห่าต้องดูด้วยว่าเป็นเวลาอะไร ทำอะไรอยู่ ถ้านอนอยู่หรือทำงานอยู่ก็เกิดผลกระทบ ทุกครั้งที่แจ้งเรื่องไปทั้งตำรวจ ทั้งเทศบาลจะถามว่ากี่เดซิเบล ตนว่ามันไม่ใช่ประเด็นเพราะมันเป็นเวลาตีสาม ตีสี่ บางทีเห่าจนถึงหกโมงเช้า เสียงในห้องอาจดังแค่ 30-50 เดซิเบล แต่ถ้าวัดจากปากสุนัขจะดังเท่าไหร่
นายจักรพันธ์ ระงับ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ในเบืัองต้นให้ผู้ร้องดำเนินการเขียนคำร้องตามกฏหมายก่อน จากนั้นจะนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดให้สั่งการไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากที่รับฟังผู้ร้องมาน่าจะเป็นเทศบาล ปศุสัตว์ และที่ดินจังหวัดที่กำกับดูแลนิติบุคคล ตนเข้าใจเรื่องแบบนี้พอลงพื้นที่ตรวจสอบก็จะมีการดูแล เงียบไปพักหนึ่ง พอนานเข้าก็จะกลับมาเหมือนเดิม โดยปกติเจ้าของสุนัขต้องดูแลนำสุนัขเก็บในบ้านเพื่อไม่ให้ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ถ้าปล่อยให้เกิดความเดือดร้อนต้องให้เทศบาลเข้าดำเนินการจัดที่อยู่ที่เหมาะสมให้สุนัข สำหรับเรื่องมลพิษทางเสียงนั้นมีข้อกฏหมายกำหนดซึ่งจะตรวจสอบรายละเอียดและดำเนินการต่อไป เพราะในส่วนสุนัขก็มี พ.ร.บ.คุ้มครองอยู่เช่นกัน ส่วนคนก็มีกฏหมายคุ้มครองเช่นกัน เช่นก่อความเดือดร้อนรำคาญ หมิ่นประมาท หรือโทษทางโซเชียล ต่างกรรมต่างวาระไปว่าไปตามหลักฐานที่มีมามอบให้ สำหรับการร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจะใช้เวลา 15 วัน แต่ถ้ากรณีเร่งด่วนจะลงพื้นที่ทันที